ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มนตราธวัช...ธงอธิษฐานแห่งเนปาล  (อ่าน 1285 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29367
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
มนตราธวัช...ธงอธิษฐานแห่งเนปาล
« เมื่อ: ตุลาคม 18, 2013, 09:04:17 am »
0

เอื้อเฟื้อภาพโดย คุณพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์

มนตราธวัช...ธงอธิษฐานแห่งเนปาล

ต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์ของวันนี้ ผมเหาะขึ้นมาเขียนบนที่สูงเกือบจะเป็นหลังคาโลกเลยนะครับ คือเขียนที่ประเทศเนปาลครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะเอไอเอส (อีกแล้ว) ที่ชักชวนผมให้ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มของสมาชิกเซเรเนด ที่เข้าร่วมเล่นกิจกรรมของเซเรเนดด้วยการส่งข้อความเสียงและส่งข้อความบรรยายความรู้สึกประทับใจต่างๆ ที่ได้รับจากบริการของเอไอเอสในครั้งนี้ มีผู้ผ่านการแข่งขันได้ไปเนปาลด้วยกันกว่า 60 คนเลยทีเดียวครับ เรียกว่าขนกันไปแบบไม่อั้นเลยจริงๆ

ประเทศเนปาลที่คณะของเอไอเอสเซเรเนดเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้เป็นประเทศที่นับถือศาสนาฮินดูเป็นหลัก แต่ก็มีพุทธศาสนาแบบวัชรยาน หรือตันตระยาน แพร่หลายผสมผสานกันอย่างแยกไม่ออก วัดและสถูปที่เนื่องในพุทธศาสนามีปรากฏให้เห็นได้ทั่วไปและได้รับการเคารพบูชาทั้งคนฮินดูและคนพุทธ


 :25: :25: :25:

ตามวัดพุทธต่างๆ ในประเทศเนปาลจะมีแถบผ้าผืนเล็กๆ สีต่างๆ แขวนห้อยเรียงรายเป็นแถวและผูกโยง คล้องกับสถูปหรือต้นไม้สูง หรือโยงไปมากับผนังอาคารรั้วหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เรียกว่าโยงกันแบบระโยงระยางเลยทีเดียว แถบผ้าเหล่านั้นมีหลายสี ขาว แดง เหลือง น้ำเงิน ดำ ฟ้า เป็นต้น มีการเขียนหรือพิมพ์บทสวดมนต์ บทสรรเสริญเทพเจ้า บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณต่างๆ ลงบนผืนผ้าเหล่านั้นด้วย

ตามความเชื่อของชาวพุทธแบบวัชรยาน หรือตันตระยานนั้น ถือว่าการสวดมนต์ภาวนาเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติตามหลักธรรมประการหนึ่ง ดังนั้นนอกเหนือจากการสวดมนต์ด้วยตนเองแล้ว การกระทำอื่นๆ ที่ช่วยให้มีผลต่อการสวดมนต์นั้นๆ ก็จะกระทำด้วย นั่นคือที่มาของ "มนตราธวัช" หรือ "ธงมนต์" หรือ "ธงมนตรา" นั่นแหละครับ


 st12 st12 st12

ความเชื่อของชาวพุทธในเนปาลและรวมไปถึงในประเทศทิเบต ภูฏาน และสิกขิม จะนิยมเขียนหรือพิมพ์บทสวดมนต์ภาวนาที่ตนศรัทธา ลงบนผืนผ้าต่างสี จากนั้นจะอธิษฐานจิตขอพร แล้วจึงนำมนตราธวัชนั้นไปถวายเป็นพุทธบูชา โดยจะแขวนโยงจากศาสนสถานเป็นหลัก หากไม่มีพื้นที่เหลือหรือสุดกำลังความสามารถที่จะปีนป่ายขึ้นไปแขวนเองได้ จึงจะนำไปผูกโยงไว้ในบริเวณรอบๆ ใกล้เคียงหรือหลังคาบ้าน ช่องเขา หน้าผา และทางเดินที่เป็นช่องทางที่ลมพัดผ่านได้โดยสะดวก

ตามความเชื่อที่ตกทอดมาแต่โบราณ ถือกันว่าสายลมที่โบกพัดอยู่ทุกวี่วันจะเป็นผู้นำคำอธิษฐานทั้งปวงรวมทั้งบทสวดที่ได้ตั้งจิตถวายเป็นพุทธบูชาแล้วนั้น พลิ้วปลิวขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ การที่มนตราธวัชโบกปลิวหนึ่งครั้งนั้นเทียบเท่ากับการสวดมนต์ถึงหนึ่งพันจบเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วกระแสลมยังจะช่วยพัดพาให้มนตราและคำอธิษฐานขอพรต่างๆ ในตัวของธงเองได้ล่องลอยไปตามสายลม และไปอำนวยอวยพรและบันดาลความมีโชคมีชัยให้กับบุคคลอื่นๆ ที่เดินทางผ่านไปมาอีกด้วย





การที่มนตราธวัชปรากฏในสีที่แตกต่างกันนั้น สืบเนื่องจากความหมายที่มีหลากหลายประการ ความหมายแรกคือสีประจำธาตุเกิดของตนเอง คือ

    สีแดง เป็นตัวแทนของธาตุไฟ
    สีน้ำเงิน เป็นตัวแทนของธาตุน้ำ
    สีเขียว เป็นตัวแทนของธาตุลม
    สีขาว เป็นตัวแทนของโลหะ
    สีเหลือง เป็นตัวแทนของธาตุดิน


ส่วนอีกความหมายหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมและยอมรับกันทั่วไป คือ ความหมายถึงสีผิวของพระวรกาย และรัศมีที่ทรงเปล่งออกมาของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์พระองค์ต่างๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมายตามความเชื่อของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ดังนั้นสีของธงที่แตกต่างกัน ก็จะหมายถึงตัวแทนขององค์เทพที่บูชาที่แตกต่างกันไป

 :96: :96: :96:

ขอยกตัวอย่างความหมายของสีธงให้ดูเล่นๆ กันนะครับ

มนตราธวัชสีเขียว จะหมายถึง พระคันธหัสติโพธิสัตว์ กายสีเขียวหรือขาวอมเขียว 2 กร มือขวาทำปางประทานพร มือซ้ายถืองาช้าง วางบนดอกบัวหรือถือสังข์
     หรือพระอากาศครรภโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งความปีติอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเกิดจากการช่วยเหลือสรรพสัตว์จำนวนมากพ้นประมาณ สัญลักษณ์คือพระอาทิตย์ มือขวาถือเพชรพลอย มือซ้ายถือดวงแก้ว กายสีเขียว มี 2 กร

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

มนตราธวัชสีเหลือง จะหมายถึง พระคคนคัญชะโพธิสัตว์ สัญลักษณ์คือต้นกัลปพฤกษ์ หัตถ์ขวายกขึ้น หัตถ์ซ้ายวางบนสะโพก กายสีเหลือง มี 2 กร
     หรือพระจุณฑิอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ผู้แยกตัวมาจากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ทุกกรล้วนมีสิ่งของไม่เหมือนกัน บ้างก็แตกต่างกันไป กายสีเหลืองหรือขาว 3 เนตร 18 กร

     หรือพระชญาณเกตุโพธิสัตว์ กายสีเหลืองหรือฟ้า 2 กร มือขวาถือธงกับเพชรพลอย มือซ้ายทำท่าประทานพรหรือพระสรรวโศกตโมนิรฆาตมตีโพธิสัตว์ กายสีเหลืองอ่อนหรือเหลือง มี 2 กร มือขวาถือคทา มือซ้ายวางบนสะโพก
     หรือพระอโมฆทรรศินโพธิสัตว์ กายสีเหลือง 2 กร มือขวาถือดอกบัว มือซ้ายวางบนสะโพก





มนตราธวัชสีแดง จะหมายถึง พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ผู้ทรงเป็นองค์แทนปัญญาของพระพุทธเจ้า หรือพระชาลินีประภาโพธิสัตว์ สัญลักษณ์คือวงกลมแห่งดวงอาทิตย์ หัตถ์ขวาประทานพร หัตถ์ซ้ายถือพระอาทิตย์บนดอกบัว กายสีแดง มี 2 กร หรือพระภัทรปาลโพธิสัตว์ กายสีแดงหรือขาว มี 2 กร มือขวาทำปางประทานพร มือซ้ายถือเพชรพลอย

 :49: :49: :49:

มนตราธวัชสีขาว จะหมายถึง พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งความกรุณา ผู้ทรงเป็นองค์แทนกรุณาของพระพุทธเจ้า ผู้สดับเสียงคร่ำครวญในโลก และคอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ข้ามวัฏสงสาร เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลที่สุดในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน

     หรือพระจันทรประภาโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสาวกของพระไภษัชยคุรุ สัญลักษณ์คือดวงจันทร์วางบนดอกบัว หัตถ์ขวาประทานพร หัตถ์ซ้ายถือพระจันทร์บนดอกบัว กายสีขาว 2 กร
     หรือพระอักษมยมติโพธิสัตว์ สัญลักษณ์ คือ พระขรรค์หรือหม้อน้ำ มือขวาประทานพร มือซ้ายทาบบนพระอุระ กายสีขาวหรือเหลืองนวล มี 2 กร
     หรือพระสุรังคมโพธิสัตว์กายสีขาว 2 กร มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายวางบนสะโพก

     หรือพระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์ กายสีขาวหรือฟ้า มี 2 กร มือขวาทำญาณมุทรา มือซ้ายทำท่าปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร
     หรือพระสรรวาปายัญชหะโพธิสัตว์ กายสีขาว 2 กร ทำท่าขจัดบาป หรือถือขอสับช้างทั้งสองมือ
     หรือพระสาครมติโพธิสัตว์ สัญลักษณ์คือสังข์หรือคลื่น ยื่นพระหัตถ์ไปข้างหน้า ทำนิ้วเป็นรูปคลื่น กายสีขาว มี 2 กร


ans1 ans1 ans1

มนตราธวัชสีฟ้า จะหมายถึง พระวัชรครรภโพธิสัตว์ สัญลักษณ์คือหนังสือ มือขวาถือวัชระ มือซ้ายถือหนังสือ กายสีฟ้า มี 2 กร
มนตราธวัชสีดำ จะหมายถึง พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ ผู้ทรงเป็นองค์แทนพลังของพระพุทธเจ้า

และในบางครั้งมนตราธวัชที่มีสีเหลือง เขียว หรือแดง ยังอาจหมายถึง พระประติภานกูฏโพธิสัตว์ ผู้มีผิวกายสีเหลือง เขียว หรือแดง มือขวาถือแส้ มือซ้ายวางบนเพลา มี 2 กรได้อีกด้วย


 ans1 ans1 ans1

นอกจากนั้นแล้ว ชาวเนปาลยังมีความเชื่อด้วยอีกว่า หากมนตราธวัชนั้นโบกพลิ้วปลิวอยู่นานๆ แล้ว คำขอพร คำอธิษฐาน และมนตราต่างๆ ที่จารึกอยู่บนธงนั้นจะจืดจางลง ต้องใช้ใบสนหูเสืออย่างสดๆ มาจุดรมควัน คล้ายเป็นกำยาน เพื่อเป็นเครื่องเพิ่มอานุภาพฤทธีให้ทวิทวีมากขึ้นเป็นประจำทุกปี หากเกิดการเปื่อยขาดลง ก็จะทิ้งไว้ตามเดิม  แต่จะเพิ่มมนตราธวัชที่สมบูรณ์ขึ้นแขวนแทนที่ใหม่เสมอๆ

เผ่าทอง ทองเจือ


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/edu/376674
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ