พิมพ์

[raponsan]

เว็บยอดฮิต "เขารับมือกับคนเข้าเว็บจำนวนมหาศาล" กันได้อย่างไร.?

ในหมู่ “คนดังนั่งเขียน” ที่มาร่วมบรรเลงเพลงยุทธปลายคีย์บอร์ดบนหน้าเว็บไทยรัฐออนไลน์แห่งนี้ ผมชอบคอลัมน์ของคุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ตรงที่เล่าประสบการณ์การบริหารบริษัทระดับประเทศอย่างเครืออินเด็กซ์ ความรู้เหล่านี้ช่วยเปิดหูเปิดตาให้ผู้อ่านอย่างผมมาก ก็ต้องขอบคุณคุณเกรียงไกรไว้ตรงนี้ด้วยครับที่ไม่หวงวิชาใดๆ เลย

ในคอลัมน์ตอนนี้ผมจึงจะขอเลียนแบบโดยเล่าเรื่องงานของตัวเองบ้างครับ

สมัยที่ผมร่วมก่อตั้ง Blognone กับเพื่อนเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่เลยครับ) เราตั้งใจว่าอยากจะ “ยกระดับ” วงการไอทีในบ้านเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม

 

ก่อนอื่นต้องยอมรับกันแบบตรงไปตรงมาว่าวงการไอทีบ้านเราเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วยังตามหลังไกลแบบสุดกู่ เราเป็นแค่ผู้ใช้หรือปรับแต่งเทคโนโลยีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ คนไทยที่สร้างเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมาแล้วแพร่หลายในระดับโลกนั้นมีน้อยมาก เหตุผลที่สำคัญคงเป็นเพราะการคิดค้นหรือพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองจำเป็นต้องลงทุนด้านการวิจัยสูงมากและต่อเนื่องยาวนาน มีกระบวนการและโครงสร้างที่เป็นระบบจากทั้งหน่วยงานภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งบ้านเรายังขาดเรื่องนี้อีกมาก

Blognone ในฐานะเว็บไอทีเล็กๆ จึงพยายามจะเป็น “ตัวกลาง” ในการดึงความรู้ความเชี่ยวชาญที่เก็บสะสมอยู่ในคนไทยเก่งๆ จากองค์กรต่างๆ มาเผยแพร่และกระจายต่อไปสู่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านไอทีคนอื่นๆ ในวงการ ซึ่งนอกจากการเผยแพร่เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์แล้ว เราก็เคยจัดงานสัมมนา Blognone Tech Day รวมคนไอทีมาเผยแพร่ประสบการณ์ระหว่างกันเมื่อหลายปีก่อน (คนฟังหลักร้อย) ก่อนจะหยุดไประยะหนึ่งด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง

 

แต่โลกเทคโนโลยีปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก จากเดิมที่ไอทีเป็นวงการเฉพาะของคนเฉพาะกลุ่ม เฉพาะอาชีพเท่านั้น ก็กลายเป็นว่าไอทีกำลังเข้ามามีบทบาทในทุกๆ อุตสาหกรรม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือวงการรถยนต์ที่เริ่มยัดคอมพิวเตอร์ลงไปในรถได้ ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น (ไม่ใช่เพียงแค่ความบันเทิงในรถอีกต่อไป) หรือวงการการเงินที่เราเริ่มเห็นการทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์พกพากันมากขึ้นเรื่อยๆ วิธีการจ่ายเงินการทำธุรกรรมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

Blognone เห็นว่านี่คือ “โจทย์ที่ท้าทาย” ที่เราต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องเตรียมความพร้อมของคนไอทีไทยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และนี่ก็เป็นที่มาของงานสัมมนาชื่อ “Blognone Quest” ครับ

 

     Blognone Quest มีธีมงานหลักคือ “ตามหา” หรือ “Quest” ว่า
     เทคโนโลยีในแต่ละมิติมีประเด็นอะไรสำคัญที่ควรต้องจับตา ควรต้องรู้ไว้ล่วงหน้า
     เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เทคโนโลยีที่ว่ากันว่าจะมาแน่ๆ นั้น จะมาเมื่อไร
     สินค้าของค่ายไหนจะฮิต แนวทางการพัฒนาแบบใดจะเวิร์ก
     ทางออกจึงเป็นการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการนั้นๆ มานั่งคุยกันและแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกัน
     จากนั้นเราจะบันทึกวิดีโอเผยแพร่ให้ผู้สนใจทั่วไปติดตามดูข้อมูลได้ในภายหลัง

งาน Blognone Quest ครั้งแรกจัดไปเรียบร้อยแล้ว หัวข้อเป็นเรื่องของ “เว็บ” ครับ

การทำเว็บในปัจจุบันง่ายมาก ระบบสำเร็จรูปมีพร้อม ค่าใช้จ่ายต่ำ แต่การทำเว็บให้คนเข้าเยอะๆ แล้วยังตอบสนองผู้ใช้ได้ดี เว็บไม่ล่ม ไม่ช้า ไม่อืด กลับเป็นทักษะชั้นสูงที่เก็บซ่อนอยู่ในหมู่คนทำเว็บไซต์ขนาดใหญ่ๆ เท่านั้น

 

Blognone Quest จึงเชิญตัวแทนจากเว็บดังๆ ทั่วฟ้าเมืองไทยหลายแห่งมาร่วมกันแชร์ความรู้ว่า การทำเว็บที่วันหนึ่งมีคนเข้าเป็นแสนเป็นล้านนี่เขาทำกันอย่างไร วางระบบข้างหลังอย่างไรถึงสามารถรองรับโหลดมหาศาลที่ไม่ได้คาดฝันมาก่อนได้ (ตัวอย่างเช่น ตัวแทนของพันทิปเล่าถึง “เจนี่เดย์” วันที่ดาราสาวเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ประกาศแต่งงาน ทำเอาเว็บพังไปพักใหญ่)

เว็บใหญ่ๆ ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนกันก็มีทั้ง Sanook, Kapook, Mthai, Pantip, Thairath รวมถึงกลุ่มคนที่ทำงานดูแลระบบให้กับเว็บหรือบริการยอดฮิตของเมืองไทย และนักวิชาการที่เรียนมาด้านนี้โดยตรง

 

ผมคงไม่ลงรายละเอียดด้านเทคนิคมากในคอลัมน์นี้เพราะเป็นเรื่องเฉพาะทางมาก แต่ถ้าใครสนใจก็เข้าไปดูวิดีโอบันทึกการเสวนาได้ที่ http://www.blognone.com/node/50282 ครับ

ในโอกาสต่อๆ ไป Blognone Quest คงจัดขึ้นอีกในหัวข้อที่น่าสนใจอื่นๆ ถ้าท่านใดมีข้อเสนออยากให้จัดในประเด็นไหน หรือเห็นว่าเทคโนโลยีด้านไอทีเรื่องไหนมีประโยชน์ต่อประเทศ ก็สามารถแนะนำเข้ามาได้ที่ admin@blognone.com ครับ

มาร์ค Blognone

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/tech/379621