ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'ธรรมคีตา' สังฆราชบูชา ภาวนาผ่านบทเพลง  (อ่าน 1629 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29440
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
'ธรรมคีตา' สังฆราชบูชา ภาวนาผ่านบทเพลง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2013, 10:27:23 pm »
0


'ธรรมคีตา' สังฆราชบูชา ภาวนาผ่านบทเพลง
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยนภาพร แจ่มทับทิม

ในช่วงส่งท้ายปลายปี ๒๕๕๖ พระปกรณ์วินณ์ ฐิตวํโส เลขานุการฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และเหล่าศิลปินจิตอาสาวัดปทุมฯ ได้จัดเตรียมงาน Bualoy Charity No.6 ตอน 'OVER THE RAINBOW' สายรุ้งแห่งศรัทธา คีตาบันดาลธรรม ถวายเป็นพระกุศลพระชนมายุครบ ๑๐๐ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีหมายกำหนดการแสดงในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖  ในระหว่างที่มุ่งมั่นเตรียมงาน ก็ได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของท่าน อย่างไรก็ตามการแสดงธรรมคีตาเพื่อน้อมรำลึกและสานต่อธรรมปณิธานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชผ่านบทเพลง ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทุกประการ
 
พระปกรณ์วินณ์ เล่าว่า เราไม่ได้คิดว่าการนี้จะเกิดขึ้น แต่ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องมองให้เห็นเป็นอนิจจัง ที่สำคัญคือ การบอกเล่าเรื่องราวจึงมุ่งเน้นการต่อสืบสานต่อปณิธาน รอยธรรมของท่านที่มีอยู่มากมายเพื่อให้คนในวงกว้างได้รับรู้ และเพื่อสานต่องานของวัดปทุมฯ ที่มีโครงการบอกเล่าความเป็นอริยสงฆ์ของสมเด็จพระสังฆราชต่อเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งทำมาระยะหนึ่งแล้ว


 :welcome: :welcome: :welcome:

บทเพลง 'สังฆราชบูชา' ได้ถูกประพันธ์ขึ้นถวายเป็นพระกุศลฉลองพระชนมายุครบ ๑๐๐ พรรษา เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อสื่อสารพระประวัติของท่านผ่านบทเพลงที่มีทำนองร่วมสมัย ขับร้องโดย "ปาน" ธนพร แวกประยูร ซึ่งเสมือนเป็นการเปิดประตูเพื่อการรับรู้ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักจริยวัตรของท่านอย่างสมพระเกียรติ ซึ่งมีการหยิบยกกิจกรรม การจัดงานเพ็ญภาวนาปฏิบัติบูชา 'ญาณสังวร' โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสวนโมกข์กรุงเทพฯ มาเปรียบท่านเป็นเหมือนแสงจันทร์เดือนเพ็ญที่มีคนมากมายกำลังปฏิบัติบูชาถึงท่าน

“เนื้อเพลงสอดแทรกพระประวัติไว้ในหลายแง่มุม เช่น ท่านทรงเป็นพระอภิบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะที่ทรงผนวช ท่านยังเป็นพระที่ได้รับการยกย่องจากฝ่ายวิปัสสนาธุระ ท่านมีชื่อจริงว่า 'เจริญ' ท่านสถิตอยู่ที่วัดบวรนิเวศ เทศน์กัณฑ์แรกของท่าน คือกัณฑ์อริยทรัพย์ ในประโยคว่า แสงธรรมนุ่มนวลอุ่นในดวงใจ แสงใดเสมอได้ด้วยแสงแห่งปัญญา ทั้งหมดได้ถูกร้อยเรียงออกมาเป็นบทเพลง

 :s_good: :s_good: :s_good:

“ในท่อนฮุกของเพลงยังเขียนว่า มั่นไว้ในธรรมทุกตอน ดังเช่นโอวาทของท่าน เน้นในเรื่องของการลงมือทำ การยึดธรรมวินัย ทำให้เห็นว่าการเฉลิมฉลองใดไม่สำคัญไปกว่าการสืบต่อการปฏิบัติโดยมีธรรมะอยู่ในใจ”

แต่ในห้วงเวลาประมาณ ๒๐ วันหลังจากวันฉลองพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษา ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงของพระอาการที่ไม่สู้ดีนัก จนกระทั่งข่าวการสิ้นพระชนม์ บทเพลง 'ชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก' จึงพรั่งพรูจากปลายปากกาขึ้นอีกครั้ง โดยมีที่มาจากพระนิพนธ์ 'ชีวิตนี้สำคัญนัก' แห่งเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร


 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

“สมเด็จพระสังฆราชทรงบอกเสมอว่า ให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เพราะชีวิตจริงแท้ล้วนอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สิ่งที่คงไว้คือคุณงามความดีที่ปฏิบัติ ขณะมีชีวิตอยู่ต่างหากที่สำคัญ ว่าจะไปมืดหรือสว่าง ชีวิตนี้จึงน้อยนักเมื่อเทียบกับภพชาติที่เกิดมานับไม่ถ้วน และสำคัญมากว่าจะไปที่ใด

“ขณะแต่งเพลงคิดถึงเรื่องราวชีวิตของท่านที่มีอายุ ๑๐๐ พรรษา ได้ทำอะไรไว้มากมาย แต่ก็หนีกฎอนิจจังไม่พ้น กฎของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สมเด็จพระสังฆราช ท่านก็อยู่ในกฎนี้ ในชีวิตคนที่จะเวียนว่ายตายเกิดนั้นไม่น้อย แต่สิ่งที่ท่านได้ฝากไว้ในช่วงชีวิต ๑๐๐ พรรษาของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชนั้นมีความสำคัญนักเพราะท่านสร้างธรรมแห่งการปฏิบัติไว้มากมาย”




Published on Oct 2, 2013 by Bua Loy
คำร้อง : ฐิตวํโสภิกขุ ปทุมวนาราม
ทำนอง : รัชต์พงษ์ สมศรี (ภู ศิษย์มาวิตต์)
เรียบเรียง : เจษฎา สุขทรามร
ศิลปิน : ธนพร แวกประยูร


พระปกรณ์วินณ์ เล่าต่อมาอีกว่า ขณะเริ่มจัดเตรียมงานทั้งหมด ได้มีโอกาสเข้าไปกราบเยี่ยมองค์สมเด็จพระสังฆราช ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในวันเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปวังไกลกังวล ขณะนั้น สมเด็จพระสังฆราช มีพระอาการพระโลหิตเลือดออกที่พระศอ   

“เมื่อได้ทำงานสนองให้ท่านจริงๆ จึงเข้าไปเยี่ยมอยู่ที่ข้างเตียงของท่านในห้องปลอดเชื้อ ความรู้สึกในตอนนั้นไม่เพียงปลื้มปีติที่ได้พบครูบาอาจารย์ แต่จากสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าคือ ความยิ่งใหญ่ด้วยพระทัยของท่าน ในความรู้สึกของเรา แม้ท่านรักษาพระอาการประชวร ท่านก็ยังทำหน้าที่ของท่านอยู่ ท่านยังต้อนรับทุกคน ยังคงมีพระกรุณาต่อเรา ทำให้เห็นธรรมานุภาพ ที่ท่านแผ่ซ่านมาถึงเรา


 st12 st12 st12

“ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกธรรมสังเวช เพราะท่านรักษาพระอาการ ท่านนิ่งมาก ทำให้เรารู้สึกถึงสังขารของชีวิตมนุษย์ล้วนมีการแตกดับไป ชีวิตไม่ได้มีความยืนยาว เมื่อเกิดมาเคยทำคุณงามความดีไว้มากมาย แต่ปัจจุบันกลับมีหลายกระแสที่บอกว่า ไม่ได้เห็นท่านทรงงาน ก็คิดกันไปต่างๆ นานา แต่ความจริงท่านเหนื่อยมาทั้งชีวิต วันหนึ่งเกิดความเจ็บป่วย เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังขาร ย่อมเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น”

“หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ได้สวดโพชฌงค์ถวายต่อท่าน แล้วก็เกิดความรู้สึกสังเวชใจว่าที่แท้จริงแล้วเวลาของเรามีน้อยเหลือเกิน เรายังโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานถวายท่านในช่วงเวลานี้ ครูบาอาจารย์ในต่างจังหวัดต่างยอมรับว่าท่านเป็นพระองค์สำคัญที่สุดที่พำนักอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้เรามีพลังการทำงานตามที่ความสามารถจะทำได้”

 :25: :25: :25:

พระปกรณ์วินณ์ เล่าถึงการทำงานของทีมงานและศิลปินจิตอาสาวัดปทุมฯ ที่หลอมรวมหัวใจเพื่อธรรมคีตาการกุศลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ว่า ส่วนตัวหลวงพี่ได้อ่านพระนิพนธ์ของท่านตั้งแต่บวชพรรษาแรก แต่ทีมจิตอาสาส่วนใหญ่คือเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ทันได้เห็นพระกรณียกิจของท่านมากนัก เพราะเป็นช่วงปลายที่ท่านเข้ารักษาพระอาการประชวรในโรงพยาบาล

“ถามเด็กๆ ว่ารู้จักท่านเจ้าพระคุณหรือไม่ ก็ตอบได้เพียงว่ารู้จักแต่ชื่อ หน้าตายังเลือนรางหรือจำไม่ได้ แต่ปีที่ผ่านมาจิตอาสาหลายคนร่วมลงมือทำงานเพื่อเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชมาอย่างต่อเนื่องเมื่อต้องทำมิวสิกวิดีโอเผยแพร่บทเพลงเกี่ยวกับท่าน จึงต้องอ่านพระนิพนธ์ เมื่ออ่านมากขึ้นลงมือทำงานมากขึ้น ธรรมะก็ซึมซับลงไปในใจ”


 ans1 ans1 ans1

นับจากการกำเนิดแห่งจิตอาสาวัดปทุมวนารามได้ดำเนินโครงการต่างๆ มาตลอดระยะ ๖ ปีจนถึงการจัดงาน 'สายรุ้งส่งศรัทธา คีตาบันดาลธรรม' ภายใต้โครงการปทุมมามหาสิกขาลัยและกลุ่มบัวลอย วัดปทุมวนาราม พระปกรณ์วินณ์ ยังย้ำถึงธรรมะจากการทำงานว่า

“การทำงานในโครงการต่างๆ ยังเสมือนการเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง เพราะการทำงานต่างๆ ล้วนมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา การทุ่มเททำอย่างเต็มที่ อาจไม่ได้หมายความว่าโครงการต่างๆ จะเกิดการพัฒนา ขยายเป็นวงกว้าง หรือมีพลังที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นก็ได้ เมื่อปีก่อน เราเคยคิดว่าสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นนั้นดีแล้ว แต่มาถึงปีนี้มีการจัดงานคอนเสิร์ตใหญ่ซึ่งปกติแล้วจะต้องใช้ออร์แกไนเซอร์มืออาชีพ แต่งานธรรมคีตาการกุศลนี้ทำโดยทีมจิตอาสาและศิลปินที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่ทุกคนมาร่วมงานด้วยใจ บางครั้งการทำงานอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ทั้งสิ้น ในทุกๆ การทำงานจึงต้องเรียนรู้และฝึกปฏิบัติไปพร้อมกันทั้งจิตอาสาและหลวงพี่เอง แต่ทุกเหตุการณ์ก็ทำให้ทุกคนมีสติ และปล่อยวางได้เร็วมากขึ้น”

 gd1 gd1 gd1

ถึงวันนี้แก่นธรรมการทำงานจิตอาสาได้ซึมซับอยู่ในทุกอณูความรู้สึก เพราะจิตอาสาคือจิตที่อาสาจะฝึกธรรมะอย่างแท้จริง

งาน 'OVER THE RAINBOW สายรุ้งส่งศรัทธา คีตาบันดาลธรรม' จัดแสดงในวันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ โรงภาพยนตร์สกาล่า เวลา ๑๖.๐๐ น. ราคาบัตรการกุศล ๑,๐๐๐ บาท ทุกที่นั่ง รายได้ทั้งหมดจากการขายบัตรเพื่อสมทบทุนในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับพระภิกษุ-สามเณรอาพาธ ของอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระสังฆราช จองบัตรที่ http://www.thaiticketmajor.com

วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ชวนกันไปบำเพ็ญภาวนา ปฏิบัติบูชา 'ญาณสังวร' ครั้งที่ ๑๑ เวลา ๑๖.๓๐-๒๐.๐๐ น. ณ สวนปทุมวนานุรักษ์ ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนวัดปทุมวนาราม สอบถามรายละเอียดได้ที่ สวนโมกข์กรุงเทพ โทร.๐๘-๖๓๑๑-๐๙๐๐ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20131117/172930.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ