ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งสมาธิแล้ว ปวดขาเป็นเหน็บชา ต้องทำอย่างไร.? ในพระสูตรมีคำตอบ  (อ่าน 2991 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


นั่งสมาธิแล้ว ปวดขา เป็นเหน็บชา ต้องทำอย่างไร.?

    เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่าบางคนต้องพบแน่นอน นั่งแล้วปวดนั่งแล้วเป็นเหน็บ ทำอย่างไร
    ...มีผู้บอกสอนหลายท่านบอกว่า ต้องทนสู้กับทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น ถ้าทนไม่ได้ก็ไม่บรรลุผล....
    แต่แท้จริงแล้ว พระศาสดาทรงสอนว่าอย่างไรครับ จากพระสูตรนี้....


     :25: :25: :25:

      ว่าด้วยผู้ขวนขวายในฌาน
     [๙๗๑] คำว่า พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌาน ในคำว่า พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌาน เป็นผู้ตื่นอยู่มาก ความว่า เป็นผู้ขวนขวายในฌานด้วยเหตุ ๒ อย่าง คือ เป็นผู้ประกอบ ประกอบทั่ว ประกอบโดยเอื้อเฟื้อ มาประกอบด้วยดีเพื่อความเกิดขึ้นแห่งปฐมฌานที่ยังไม่เกิดขึ้น
     เพื่อความเกิดขึ้นแห่งทุติยฌานที่ยังไม่เกิดขึ้น เพื่อความเกิดขึ้นแห่งตติยฌานที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือเพื่อความเกิดขึ้นแห่งจตุตถฌานที่ยังไม่เกิดขึ้น แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ ดังนี้ จึงชื่อว่า เป็นผู้ขวนขวายในฌาน.
     อีกอย่างหนึ่ง ภิกษุซ่องเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งปฐมฌานที่เกิดขึ้นแล้ว ทุติยฌานที่เกิดขึ้นแล้ว ตติยฌานที่เกิดขึ้นแล้ว หรือจตุตถฌานที่เกิดขึ้นแล้ว แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ ดังนี้ จึงชื่อว่า เป็นผู้ขวนขวายในฌาน.


    คำว่า เป็นผู้ตื่นอยู่มาก ความว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเป็นเครื่องกั้น ด้วยการเดินจงกรมและการนั่งตลอดวัน ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเป็นเครื่องกั้น ด้วยการเดินจงกรมและการนั่ง ตลอดปฐมยามแห่งราตรี
    ย่อมสำเร็จสีหไสยา(นอนอย่างราชสีห์) โดยข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ใส่ใจถึงสัญญาในการลุกขึ้น ตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรี
    กลับลุกขึ้นแล้ว ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเป็นเครื่องกั้น ด้วยการเดินจงกรมและการนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี
    เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าพึงเป็นผู้ขวนขวายในฌาน เป็นผู้ตื่นอยู่มาก.ฯ


    ans1 ans1 ans1

    นั่นคือ การเดินจงกรมสลับการนั่ง หมายความว่าถ้านั่งแล้วปวดหรือเหน็บกินจนทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องทน ให้เปลี่ยนไปเป็นการเดินแทน เดินแล้วเมื่อยก็ให้สลับมานั่งแทน...
    เพราะการนั่งสมาธิเป็นการทรมานทางจิต ไม่ใช่ทรมานทางกาย...

___________________________________________________________
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=801666 โดย อินทรีย์ภูเขา
ภาพจาก http://www.oknation.net/blog/buddha2600/2013/05/01/entry-1
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
จะนั่ง จะยืน จะเดิน จะนอน
  ถ้ายังไม่สามารถ รวมเป็นหนึ่งกับ วิตก วิจาร ได้ ก็ไม่สำเร็จ

จะนั่ง จะยืน จะเดิน จะนอน
  ถ้าไม่ทำเวลา ท่าใด ท่าหนึ่ง ให้มีเวลา มาก ก็ฟุ้งซ่าน เดี๋ยวลุกขึ้นเดิน เดี๋ยวลงนั่ง เพราะใจกระสับกระส่าย

ผู้เขียนเรื่องนี้ ตีความ ผิด
  สมาธิ อาศัย พละ 5 อินทรีย์ 5

  การปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ใช่เป็นการทรมานกาย และ ทรมานจิต แต่เป็นการชำระจิต ให้ตั้งมั่น ในธรรมเฉพาะหน้า ที่จักเห็นได้ด้วยญาณสมาธิ จิตถ้าฟุ้งซ่าน ไม่เห็นธรรม และ ไม่อาจจะบรรลุธรรม

 เจริญธรรม / เจริญพร
 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ