ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปี 57 ยุคปฏิรูปงานศาสนา วัฒนธรรมกำจัดจุดอ่อน  (อ่าน 973 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29440
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ปี 57 ยุคปฏิรูปงานศาสนา วัฒนธรรมกำจัดจุดอ่อน

ในรอบปี 2556 การทำงานของ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ภายใต้การคุมบังเหียนของ บิ๊กแป๊ะ สนธยา คุณปลื้ม ได้เน้นนโยบาย การทำงานตามแนวคิด “สืบสาน สร้างสรรค์ และบูรณาการ”


“สวัสดีปีใหม่แล้ว ผองไทยจงแคล้วปวงภัย ช่วยกันรับขวัญปีใหม่ เถลิงฤทัยไว้มั่น สุขศรีปีใหม่หมาย สุขใจและกายรวมกัน สำราญสำเริงบันเทิงมั่น สุขสันต์ยิ้มกันไว้ก่อน......”

สถานการณ์บ้านเมืองในปีมะเส็ง งูเล็ก ร้อนแรงไม่ใช่เล่น ย่างเข้าสู่ปีมะเมีย ปีม้า จะเป็นม้าดีดกะโหลก หรือม้าเชื่อง ก็ขอหยิบยกเนื้อเพลงวันขึ้นปีใหม่ มาให้คนไทยได้บันเทิงเริงใจกันก่อน และอยากเห็นรอยยิ้มของคนไทยในปีใหม่นี้ ก่อนเข้าสู่สรุปเนื้อหางานศาสนา และวัฒนธรรม รอบปี 2556 และการก้าวต่อไปในปี 2557

 :welcome: :welcome: :welcome:

ในรอบปี 2556 การทำงานของ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ภายใต้การคุมบังเหียนของ บิ๊กแป๊ะ สนธยา คุณปลื้ม ได้เน้นนโยบาย การทำงานตามแนวคิด “สืบสาน สร้างสรรค์ และบูรณาการ” ไว้อย่างโก้หรูในการยกระดับกระทรวงวัฒนธรรมสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ พร้อมชูนโยบายฟื้นรากวัฒนธรรม พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ

ถึงแม้นโยบายหรือแนวคิดจะโก้หรูอย่างไร แต่ทีมข่าวศาสนา และวัฒนธรรม มองว่า รูปแบบการทำงานวัฒนธรรมยังติดกรอบเดิม ๆ ที่เน้นความดั้งเดิม ขายของเก่า กิจกรรมเก่า ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เรื่องนามธรรมเห็นผลเป็นรูปธรรม และหากมองผลงานในรอบปีที่ผ่านมานั้น ยังถือว่าอยู่ในระดับควรปรับปรุงจนถึงพอใช้ ยังไม่มีอะไรเป็นผลงานเด่นดวงมากนัก แม้ว่าเจ้ากระทรวงจะมีความพยายามหาวิธีการ ทั้งจัดอีเวนต์ ทั้งกลยุทธ์ขึ้นห้าง ก็ได้เพียงความวูบวาบชั่วคราวเหมือนพลุบนท้องฟ้า แต่การต่อยอดให้เกิดผลยั่งยืนจากฝั่งข้าราชการฝ่ายบริหารก็ยังไม่มีให้เห็น 


 :s_good: :s_good: :s_good:

อย่างโครงการไทยไฟต์ ที่มีการโหมโรงจนโด่งดังทั้งในและต่างประเทศ แต่การส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มาเรียนมวยไทยตามค่ายมวยต่าง ๆ กลับไม่มีการกล่าวถึง โครงการก็กลายเป็นเพียงกิจกรรมเรียกแขกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น หากนำมาต่อยอด ร่วมมือกับค่ายมวยทั่วประเทศ ดึงเด็กและเยาวชน รวมถึงชาวต่างชาติ ไปเข้าเรียนพื้นฐานมวยไทย โดยมีภาครัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุนบางส่วน เชื่อว่า มวยไทยจะเป็นศิลปะการต่อสู้ยอดฮิต และสร้างรายได้อย่างงามให้แก่ค่ายมวยได้ไว้เลี้ยงตัวเอง ไม่ให้ล้มหายตายจากสังคมนี้ไป

อีกโครงการ ดูเหมือนหมดยุค หมดคนเหลียวแล คือ โครงการคัลเจอรัลไซเบอร์มอล ซึ่ง บิ๊กเบียร์ สุกุมล คุณปลื้ม อดีตเจ้ากระทรวง ได้ผุดไอเดียที่ดีไว้ เพื่อเป็นเว็บไซต์ให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีพื้นที่ขายสินค้าวัฒนธรรมออนไลน์ เชื่อว่า หากต่อยอดให้เป็นพื้นที่ขายสินค้าโอทอป สินค้าภูมิปัญญาชาวบ้าน สมุนไพร สินค้าวัฒนธรรม อาหารต่าง ๆ และสินค้าทั่วไปของประชาชน เว็บนี้จะกลายเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ ซึ่งจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ หากทำได้จริงก็จะเป็นผลงานยกระดับให้กระทรวงวัฒนธรรมกลายเป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจอย่างที่หวังไว้

 ;) ;) ;)

ไม่เพียงเท่านั้น การเน้นนโยบายพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของบิ๊กแป๊ะ ทีมข่าวศาสนาและวัฒนธรรม เห็นว่า เป็นเจตนาที่ดี เพราะเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย มากกว่าเกาหลีหลายเท่าตัวนัก แต่กลับไม่ได้รับการดูแล บางหนบางแห่ง ถูกปล่อยไว้จนป้ายบอกชื่อเลือนหาย  ที่สำคัญ บิ๊กแป๊ะ มีความพยายามพัฒนา “เวียงกุมกาม” ให้เป็นต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่โครงการนี้ก็ต้องล้มลุกคลุกคลาน จากการบริหารงานของข้าราชการฝ่ายบริหารบางคน ที่มองแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ไม่นึกถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับ ทำให้การพัฒนาเวียงกุมกามเดินหน้าไม่ได้ตามเป้าประสงค์ที่บิ๊กแป๊ะ หมายมั่นปั้นมือไว้

การจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืน คงต้องฝากความหวังไว้กับพ่อบ้านวัฒนธรรม อย่าง นายปรีชา กันธิยะ ว่าจะมีไอเดียอะไรมาเรียกแขก ให้คนไปท่องเที่ยวเวียงกุมกาม รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เริ่มเสื่อมโทรม ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศ เช่น แหล่งมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทุกวันนี้นักท่องเที่ยวต่างร้องยี้กับความไม่เป็นระเบียบ ทั้งร้านค้า ขยะ ซึ่งทีมข่าวศาสนาและวัฒนธรรม อยากเสนอให้มีการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ถูกลืม เช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร ว่า จะทำอย่างไรให้กลับมาเป็นที่รู้จักและกลายเป็นสถานที่ที่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่อยากไปเรียนรู้ โดยกระทรวงอาจจะจัดกิจกรรมที่คนรุ่นใหม่สนใจและเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อาทิ กิจกรรมปั่นจักรยานชมเมืองเก่า ดึงกระแสปั่นจักรยานฮิตฟีเวอร์เช่นนี้มาเป็นจุดขาย เชื่อว่า แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้จะไม่ถูกลืมและเงียบเหงาอย่างที่เห็น 


 :96: :96: :96:

ขอตบท้ายแรงอีกหน่อยสำหรับชาววัฒนธรรม  สิ่งที่ทีมข่าวศาสนาและวัฒนธรรม เห็นจุดอ่อน คือ ’เรื่องของคน เพราะข้าราชการบางคนทุกวันนี้ เน้นทำงานเอาหน้า บิดเบือนข้อมูล เพื่อให้ฝ่ายการเมืองไว้ใจและเชื่อใจ แลกกับการเติบโตในหน้าที่การงานและอำนาจ ส่วนคนที่ตั้งใจทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็เก็บความภูมิใจในศักดิ์ศรีของตนเองเอาไว้ แต่แป้กไม่เติบโตในหน้าที่การงาน เพราะชเลียร์ไม่เป็น  ทำให้งานวัฒนธรรมและวัฒนธรรมองค์กร ที่แข่งขันกันทำงานเพื่อประชาชนอย่างเช่นสมัยก่อน ถดถอยหายไป“





การเป็นกระทรวงวัฒนธรรมยุคโซเชียลมีเดีย ทุกฝ่ายต้อง “ปฏิรูปตนเอง” กลับมาย้อนดูตัวเราว่า บกพร่องในเรื่องใด และควรปรับปรุงการทำงานในจุดไหน อะไรทำไม่ดีผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านเลยไป ไว้ใช้เป็นบทเรียน งานวัฒนธรรมถือเป็นงานยาก งานนามธรรมเห็นผลช้า ก็ขอเอาใจช่วยชาววัฒนธรรม คนไหนตั้งใจทำงานด้วยความสุจริตธรรมเพื่อประชาชน เชื่อว่า สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นแก่ชีวิต หากใครทำไม่ดี ทุจริตคอร์รัปชั่น ผลกรรมก็จะตามสนองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามพุทธสุภาษิตที่ว่า กมฺมุนา วตฺตติโล โก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ปิดท้ายงานวัฒนธรรมกันด้วยพุทธสุภาษิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยประเทศไทยมีพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้นับถืออีก 4 ศาสนา ที่ราชการรับรอง คือ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์  ทั้งนี้ การดูแลงานศาสนาในประเทศของเรา มี 2 หน่วยงาน  คือ กรมการศาสนา(ศน.) ดูแล 5 ศาสนา และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  (พศ.) ทำหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ โดย มหาเถรสมาคม (มส.) ดูแลงานพระพุทธศาสนาเป็นการเฉพาะ


 :49: :49: :49:

ในรอบปีที่ผ่านมา วงการพระพุทธศาสนาและปวงชนชาวไทย ได้สูญเสีย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งถือว่าเป็นพระสงฆ์ที่ได้กระทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติไว้นานัปการ และเป็นแบบอย่างให้พระสงฆ์รุ่นต่อไปได้นำแนวปฏิบัติมาใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

เมื่อกล่าวถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ผ่านมา ทำให้มีวัดเกิดขึ้นในต่างประเทศเป็นจำนวนมากกว่า 400 แห่งทั่วโลก ถือว่าการทำงานของคณะสงฆ์ประสบความสำเร็จ  แต่ในทางตรงกันข้าม คนไทยเป็นจำนวนมาก ก็ยังเข้าไม่ถึงแก่นของพระพุทธศาสนา ขาดศีล 5 ไม่ได้ยึดหลักธรรมมาสู่การปฏิบัติ ทำให้เกิดปัญหาพระนอกรีต ที่อาศัยความศรัทธาเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือสนองความโลภของตนเอง รับบริจาคจากญาติโยมแล้วนำเงินเหล่านั้นมาปรนเปรอความสุขของตนเอง ไม่ได้นำมาพัฒนาพระพุทธศาสนาตามวัตถุประสงค์ของพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง


 :33: :33: :33:

ปัญหาเหล่านี้ เชื่อว่า มส. และ พศ. คงไม่นิ่งนอนใจ มีหลายฝ่ายเสนอว่า การคัดคนมาบวชก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์ หรืออาจารย์ ต้องคอยดูแลลูกศิษย์ให้เข้มข้นกว่านี้ ไม่ใช่บวชแล้วปล่อยไปเลย แต่ก็เข้าใจพระอุปัชฌาย์ว่า พระที่บวชมีมากขึ้น ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง รวมถึงเจ้าคณะปกครองไม่เด็ดขาดในการตัดสินคดีทางพระ ทำให้พระบางรูปอาศัยจุดอ่อนเหล่านี้กระทำความผิดแล้วลอยนวลอยู่ได้ ซึ่งหากคณะสงฆ์เข้มงวดและอบรมพระบวชใหม่ให้ยึดพระธรรมวินัย อีกทั้ง หากรูปใดกระทำผิดก็มีการตัดสินอย่างตรงไปตรงมาและเด็ดขาด เชื่อว่า ปัญหาที่ทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธาก็จะลดลงได้

อีกโจทย์ที่ยาก ของ มส. และ พศ. คือ ทำอย่างไรเด็กและเยาวชนรุ่นต่อไปจึงจะเข้าถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาด้วยการปฏิบัติบูชา ซึ่งเป็นทางแก้สำคัญที่ทำให้คนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา และเข้าถึงหลักธรรมอย่างแท้จริง ไม่ให้อลัชชีมาอาศัยจุดอ่อนนี้ทำให้เกิดความเสื่อมต่อพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ ทีมข่าวศาสนาและวัฒนธรรม เชื่อว่า คณะสงฆ์ และ พศ. มีแนวทางอยู่ในใจ โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมให้ประชาชน เด็ก และเยาวชน ปฏิบัติธรรมและเรียนรู้การฝึกกรรมฐาน เพราะเป็นแนวทางสำคัญที่จะทำให้ทุกคนได้ปฏิบัติ เมื่อเขาเห็นผลจากการปฏิบัติ เขาก็จะเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธองค์สอนให้รู้จักตัวเราเอง รู้ความเป็นจริงของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย


 :25: :25: :25:

นอกจากนี้ การสร้างพระวิปัสสนาจารย์ก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งอย่างน้อย หากเจ้าอาวาสทั่วประเทศ สามารถสอนกรรมฐานได้อย่างถูกต้อง เชื่อว่า คนไทยจะเข้าวัดอีกเป็นจำนวนมาก เพราะบางครั้งการที่คนไม่อยากเข้าวัด ส่วนใหญ่มักจะเจอ เรียกค่าทำบุญ หรือเข้าวัดแล้ว ทำบุญไป กลับไม่เห็นวัดเกิดการพัฒนา ดังนั้น บทบาทของวัดต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ต้องรู้จักเป็นผู้ให้แก่สังคมก่อน อย่าเห็นแก่ตัวเป็นผู้รับอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทีมข่าวศาสนาและวัฒนธรรม สะท้อนออกมานั้น ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่ได้พบเจอมาในรอบปีในฐานะ ชาวพุทธที่รักพระพุทธศาสนาคนหนึ่ง และหวังเล็ก ๆ ว่า เสียงน้อย ๆ นี้ จะได้รับความเมตตาจากคณะสงฆ์ ภายใต้การนำของ “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์” เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะผู้นำสงฆ์สูงสุดในขณะนี้ ช่วยอุดช่องโหว่ของพระพุทธศาสนาให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้า เป็นที่ศรัทธาของเหล่าพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวโลกสืบไป.

ทีมข่าวศาสนา และวัฒนธรรม


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/205329/ปี57+ยุคปฏิรูปงานศาสนา+วัฒนธรรมกำจัดจุดอ่อน
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ