ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระดูแลแม่ที่เป็นอัมพาต  (อ่าน 2583 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
พระดูแลแม่ที่เป็นอัมพาต
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 02:50:09 am »
0
  พระดูแลแม่อัมพาต

 

กับน้องชายพิการ ญาติโยมแห่ช่วย


กตัญญู - พระศิริ รัตนชัย อายุ 56 ปี ต้องนำแม่ที่ป่วยอัมพาตและน้องชายสติไม่สมประกอบ มาดูแลในสำนักสงฆ์ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ญาติโยมเห็นแล้วต่างชื่นชมในความกตัญญูต่อบุพการี เมื่อวันที่ 6 ต.ค.



ชาวปาดังเบซาร์ซาบซึ้ง พบพระสงฆ์ยอดกตัญญูนำมารดา วัย 77 ปี ป่วยเป็นอัมพาต กับน้องชายสติไม่สมประกอบ มาเลี้ยงดูที่กุฏิ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ หุงหาอาหาร อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พาไปถ่ายหนักถ่ายเบา เผยก่อนหน้านี้แม่และน้องอยู่กับญาติที่พัทลุง แต่ญาติภาระมาก ไม่มีเวลาดูแล จึงตัดสินใจพามาดูแลเองที่วัด ญาติโยมเห็นใจไม่มีเวลาออกบิณฑบาต นำอาหารมาถวายช่วยเหลือ พระผู้ใหญ่ชี้ทำได้ ไม่ผิดวินัยสงฆ์ เพราะเป็นหน้าที่ลูกต้องเลี้ยงดูบุพการี ไม่ว่าอยู่ในสถานะอะไร เตรียมลงไปเยี่ยมหาทางช่วยเหลืออีกแรง

เรื่องราวของพระยอดกตัญญู เลี้ยงดูมารดาอัมพาตครั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า ที่สำนักสงฆ์ถ้ำนางพญาเลือดขาวโมกขธรรม ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 11 บ้านเขารูปช้าง ต.ปาดังเบซาร์ มีพระสงฆ์รูปหนึ่งมีความกตัญญูต่อบุพการี นำมารดาที่ชราและป่วยเป็นอัมพาต กับน้องชายที่สติไม่สมประกอบ มาเลี้ยงดูแลอย่างดีภายในกุฏิ เป็นที่ซาบซึ้งแก่ญาติโยมที่มาทำบุญภายในสำนักสงฆ์และพบเห็นอย่างมาก

ผู้ สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบพระศิริ รัตนชัย อายุ 56 ปี บวชมาแล้ว 24 พรรษา จำพรรษาอยู่ในสำนักสงฆ์ดังกล่าว นอกจากปฏิบัติกิจของสงฆ์แล้ว ยังต้องดูแล นางคล่อง รัตนชัย อายุ 77 ปี มารดาป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ และนายสมเกียรติ รัตนชัย อายุ 51 ปี น้องชาย มีสติไม่สมประกอบ พูดและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

พระศิริกล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเข้าพรรษา 1 วัน ตัดสินใจพาแม่และน้องชายมาอยู่ด้วยที่สำนักสงฆ์ จากปกติที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองพักอยู่กับญาติพี่น้องที่บ้านเกิด อ.บาง แก้ว จ.พัทลุง แต่เนื่องจากญาติพี่น้องคนอื่นๆ ที่มีอยู่ด้วยกัน 5 คน มีภาระและไม่สามารถดูแลแม่และน้องชายได้อย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจนำแม่และน้องชาย มาเลี้ยงดูที่สำนักสงฆ์ ที่มีเพียงพระอีกรูปจำพรรษาอยู่

"ทุกวันต้องซักผ้าของแม่และน้องชาย หุงข้าว ทำกับข้าว ล้างถ้วยล้างชาม แปรงฟันล้างหน้าให้แม่ ป้อนข้าว เช็ดตัว ทำแผล และแผลกดทับทั้งเช้าและเย็น เช่นเดียวกับน้องชาย ที่อาตมาต้องช่วยเปลี่ยนกางเกง แปรงฟัน พาไปถ่ายหนัก ถ่ายเบา อาบน้ำ หาข้าวให้กิน ทำให้ไม่ค่อยได้ออกไปบิณฑบาตเนื่องจากมีภาระต้องดูแลแม่และน้องชาย แต่ก็มีญาติโยมใจบุญที่มีความเมตตา นำข้าวสารอาหารแห้ง หรืออาหารสดมาใส่ตู้เย็นไว้ให้" พระศิริ กล่าว

พระศิริ กล่าวต่อว่า ได้ยึดคำสอนของพระ พุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลเคยมีพระภิกษุรูปหนึ่งจะสึกออกมาเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยหนัก แต่พระ พุทธเจ้าตรัสว่าเป็นพระก็ดูแลได้ ไม่ผิดหลักธรรม โดยเฉพาะข้าวที่บิณฑบาตมาได้นั้น ให้แม่กินก่อนได้ และจะดีเสียกว่าที่ลูกจะได้กินเศษข้าวจากแม่ หากเราสามารถดูแลแม่ในขณะยังครองผ้าเหลืองอยู่ได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้ว

ด้านพระศรีรัตนวิมล รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา กล่าวถึงกรณีพระศิริ นำแม่และน้องชายมาเลี้ยงดูในกุฏิ ว่า สามารถทำได้ พ่อแม่ถือเป็นบุคคลยกเว้น หากพระสงฆ์รูปนั้นตักข้าวที่ได้จากการบิณฑบาตให้พ่อแม่กินก่อนได้ ถือว่าเป็นข้อยกเว้นที่ทางพระพุทธองค์บัญญัติไว้ หรือกรณีพ่อแม่ป่วย พระก็สามารถดูแลได้ ถือว่าเป็นสิ่งดีที่ลูกสมควรปฏิบัติและดูแล ไม่ว่าอยู่ในสถานะใด ก็สามารถดูแลได้ พระพุทธเจ้าถือว่าพ่อแม่เป็นบุคคลที่มีพระคุณกับทุกคน และสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติดูแลพ่อแม่ในยามที่ท่านป่วย

"กรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่มีพระสงฆ์นำพ่อแม่ที่ป่วยไข้มาเลี้ยงดู เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หากจำไม่ผิดยังมีที่วัดทางภาคอีสาน ที่พระสงฆ์นำพ่อที่ป่วยมาดูแลปฏิบัติ ในเรื่องนี้อาตมาจะเดินทางลงไปดูอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาทางช่วยเหลืออีกทาง หนึ่ง" รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา กล่าว

 

ที่มา ข่าวสด
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง