ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาพนิมิต เครื่องแสดงผลกรรมในจิต  (อ่าน 4934 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ภาพนิมิต เครื่องแสดงผลกรรมในจิต
« เมื่อ: มกราคม 02, 2014, 07:35:15 pm »
0


ภาพนิมิต เครื่องแสดงผลกรรมในจิต

    ในการปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น... โดยทั่วไปเมื่อจิตกำลังสงบตัวลงผู้ปฏิบัติมักจะพบว่ามีภาพนิมิตปรากฏขึ้นภายในจิต ซึ่งหากเป็นกรณีของผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกปฏิบัติสมาธิภาวนาใหม่ๆ ด้วยแล้ว บางครั้งภาพนิมิตเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

    บรรดาภาพนิมิตที่ปรากฏขึ้นมาภายในจิตล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการอบรมจิตให้เกิดสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำสมาธิของผู้ปฏิบัติด้วยอุบายวิธีการเพ่งกสิณ ซึ่งต้องอาศัยภาพนิมิต หรือที่เรียกว่า “ภาพกสิณนิมิต” เพื่ออบรมจิตให้เข้าถึงภาวะสมาธิ โดยมุ่งเน้นในการทำให้ภาพนิมิตเหล่านั้นเกิดความชัดเจนมากที่สุด จนกระทั่งราวกับมองเห็นภาพนั้นด้วยตาเนื้อของเราจริงๆ เพราะถ้าภาพนิมิตยิ่งมีความชัดเจนมากเท่าใด... สมาธิจิตก็จะยิ่งมีความมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น

    ภาพนิมิตในเบื้องต้นเปรียบได้กับภาพที่เรามองเห็นในคืนเดือนมืด คือเป็นภาพนิมิตที่พอเห็นบ้างรางๆ แต่หากจิตมีความเข้มแข็งมากขึ้น ภาพนิมิตก็จะพัฒนาจากภาพรางๆ ในคืนเดือนมืด มาเป็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นราวกับภาพที่มองเห็นในคืนเดือนเพ็ญ แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอ... ผู้ปฏิบัติจะต้องพัฒนากำลังสมาธิจนกระทั่งภาพนิมิตนั้นปรากฏเห็นแจ่มชัดราวกับมองเห็นด้วยตาเนื้อในตอนกลางวัน ภาพนิมิตจึงจะมีกำลังสูงสุด

     :49: :49: :49:

    ครูบาอาจารย์ผู้มีความรู้ความสามารถในการฝึกอบรมสมาธิได้กล่าวถึงภาพนิมิตในสมาธิเอาไว้ว่า ในเบื้องต้นผู้ปฏิบัติจะต้องปรับภาพนิมิต ที่ปรากฏขึ้น ให้มีความแจ่มชัดมากที่สุด นอกจากนี้ ท่านยังได้กำหนดความชัดเจนของภาพนิมิตที่ปรากฏขึ้นภายในจิตขณะจิตกำลังเข้าสู่สมาธิออกเป็นสามระดับคือ ระดับเบื้องต้น ระดับกลาง ระดับสูง

    โดยปกติแล้วภาพนิมิตมักจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติอบรมจิตด้วยอุบายการเพ่งกสิณเป็นหลัก ส่วนการอบรมจิตด้วยอุบายกรรมฐานกองอื่นๆ นั้นก็อาจเกิดภาพนิมิตขึ้นภายในจิตได้เหมือนกัน แต่ไม่เด่นชัดเท่ากับผู้ปฏิบัติสายการเพ่งกสิณ เพราะภาพนิมิตเป็นเครื่องหมายของการสำเร็จกสิณโดยตรง อาทิเช่น การเพ่งภาพถ่าย เพ่งวัตถุ เพ่งเปลวเทียน เพ่งดิน เพ่งน้ำ เพ่งอากาศ ฯลฯ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการเพ่งเพื่อจดจำภาพเหล่านั้นให้เกิดเป็นภาพนิมิตขึ้นภายในจิตใจทั้งสิ้น

    นอกจากภาพนิมิตกสิณที่ถูกกำหนดขึ้นมาให้เป็นเครื่องรู้ของจิตแล้ว ก็ยังมีภาพนิมิตอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของจิต ซึ่งภาพนิมิตเหล่านี้เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในจิตใต้สำนึก อันเป็นภาวะที่ลึกเกินกว่าภาวะของจิตสำนึกโดยปกติจะเข้าถึงได้




    ดวงจิตของเราจึงเปรียบเสมือนเครื่องบันทึกภาพแห่งกรรมต่างๆ ที่เราได้กระทำมา ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยไปนานแสนนานเท่าใด แต่ดวงจิตก็ยังคงเก็บบันทึกข้อมูลกรรมทั้งหลายเหล่านั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ดังนั้นถึงแม้ว่าเราอาจจะหลอกคนทั้งโลกได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่อาจที่จะหลอกดวงจิตของตัวเองได้

    กรรมใดก็ตามที่เราเคยทำมาล้วนถูกดวงจิตของเราเก็บบันทึกเอาไว้หมดสิ้น เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับจิตดวงนี้ได้ถูกบันทึกเอาไว้ภายในดวงจิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยสูญหายไปไหน เพราะว่ามันเกี่ยวเนื่องกับระบบกรรมที่เราจะต้องมาชดใช้ คือมีทั้งกรรมดีที่ส่งผลเป็นความสุข และกรรมชั่วที่ส่งผลเป็นความทุกข์ กรรมทั้งสองนี้ถึงแม้จะส่งผลต่างกัน แต่เป็นต้นเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกัน

    เมื่อจิตได้รับการอบรมจนกระทั่งเกิดอาการสงบ ดวงจิตก็จะสามารถค้นพบแหล่งของข้อมูลการเวียนว่ายตายเกิดนี้ได้ โดยจะปรากฏเป็นภาพนิมิต แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นกระบวนการอบรมจิตที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะค้นพบข้อมูลในการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างแท้จริง หากเป็นการอบรมสมาธิด้วยวิธีการจูงจิตหรือการสะกดจิตแล้ว ภาพนิมิตที่ผู้ปฏิบัติเห็นจะเป็นเพียงภาพมายาที่จิตของผู้ปฏิบัติสร้างจินตนาการขึ้นมาเอง ด้วยอำนาจของการจูงจิตของนักสะกดจิตหรืออาจารย์ที่ใช้วิชาจูงจิต ดังนั้นภาพนิมิตที่ปรากฏขึ้นภายในจิตจึงมิใช่ของจริง แต่เป็นเพียงภาพนิมิตที่จิตของเราสร้างขึ้นมาเอง


     :25: :25: :25:

    ครูบาอาจารย์หลายท่านจึงได้กล่าวถึงภาพนิมิตที่เกิดขึ้นจากวิธีการจูงจิตว่า “ท่านเห็นภาพนิมิตจริง แต่สิ่งที่ท่านเห็นนั้นมันไม่ใช่ของจริง” เพราะว่าในการใช้คำพูดชักจูงจิตจนปรากฏเป็นภาพนิมิตขึ้นนั้น ภาพนิมิตดังกล่าวจะเป็นภาพที่เกิดจากจินตนาการปรุงแต่งของจิต... สิ่งที่เห็นจึงมิใช่ความจริง แต่เกิดจากการปรุงแต่งด้วยอำนาจแห่งการจูงจิตเท่านั้น

    สุดท้ายบรรดาภาพนิมิตทั้งหลายจึงเป็นเพียงทางผ่านของจิตเพื่ออบรมจิตให้เกิดความรู้แจ้งในธรรมตามลำดับขั้นภูมิของแต่ละคน ซึ่งเมื่อรู้แล้ว เห็นแล้ว เข้าใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผู้ปฏิบัติจะต้องปล่อยวาง เพราะหากผู้ปฏิบัติเข้าใจผิดหลงไปยึดมั่นถือมั่นและยึดเอามาเป็นคุณวิเศษของตนแล้ว ท่านย่อมกำลังจะเดินหลงทาง เดินผิดทาง และกำลังจะเดินออกนอกทางแห่งการหลุดพ้นไปเสียแล้ว...


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/241113/82481
ขอบคุณภาพจาก
http://www.madchima.net/
http://pirun.ku.ac.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาพนิมิต เครื่องแสดงผลกรรมในจิต
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 03, 2014, 09:00:42 am »
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ