ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กุมภา ณ กุมภวาปี รักบังเกิดที่บัวแดง (ชมภาพ)  (อ่าน 1175 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


กุมภา ณ กุมภวาปี รักบังเกิดที่บัวแดง
โดย...กาญจน์ อายุ

เรือท้องแบนขนาดกลางมุงหลังคาด้วยผ้าใบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าจอดเรียงรายริมฝั่ง เวลานั้นยังมืดสมกับเป็นเวลาเช้ามืดของวัน พระจันทร์ยังคงทำหน้าที่แข็งขันส่องแสงแม้เพียงครึ่งจันทร์ให้พอเห็นว่าหนองนั้นกว้างใหญ่เพียงใด

“หนองหานกุมภวาปี” กว้างใหญ่สุดสายตาเหมือนทะเลไร้คลื่น น้ำนิ่งเงาจันทร์ไม่ไหวติง สรรพสิ่งไม่เคลื่อนไหว อีกฟากฝั่งของพระจันทร์เริ่มมีแสงรำไร แสงแรกของวันกำลังมา



g


ถ้าคนตื่นเพราะเสียงไก่ขัน ดอกบัวก็คงตื่นเพราะตะวัน เจ้าของเรือท้องแบนสตาร์ทเครื่องมุ่งหน้าตามแสง ตรงนั้นจะมีบัวบาน บัวนับแสนนับล้านจะแย้มกลีบยามเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และจะหุบกลับไปเมื่อพระอาทิตย์ตรงหัว ดอกบัวนั้นก็แปลกบานเพราะแสง แต่ก็หุบเพราะแสงเช่นกัน พอเลยเที่ยงไปแดดจัดดอกบัวหุบก็หมดเวลา ช่วงเวลาดูบัวบานจึงแสนสั้นแค่ประมาณเจ็ดโมงเช้าถึงเที่ยงเท่านั้นเอง

หนองหานกุมภวาปีมีเนื้อที่ประมาณ 2.8 หมื่นไร่ ใหญ่ถึง 3 อำเภอ ได้แก่ กุมภวาปี กู่แก้ว และประจักษ์ศิลปาคม บัวกินเนื้อที่ 1.8 หมื่นไร่ ส่วนใหญ่เป็นบัวสายสีชมพูบานเย็น มีสีขาวบ้างแต่ไม่มากแต่ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ทะเลบัวแดง” เพราะเมื่อก่อนดอกบัวมีสีชมพูเข้มเกือบแดง แต่ที่สีเปลี่ยนไปเป็นเพราะอาหารในดินไม่สมบูรณ์ และเหตุที่เรียกว่าทะเลทั้งที่เป็นหนองน้ำจืดก็เพราะปริมาณบัวที่มีมากเสียจนหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ ทะเลบัวแดงจึงเป็นชื่อเรียกที่ไม่มากเกินความเป็นจริง





หนองหานกุมภวาปีไม่ได้เป็นแหล่งปลูกบัวโดยตั้งใจ ทว่าเกิดโดยธรรมชาติ ลุงไพรสิทธิ์ สุขรมย์ประธานกลุ่มเรือประมงและนำเที่ยว ชุมชนบ้านเดียม เล่าว่า หนองหานกุมภวาปีมีอายุมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เพิ่งมาเป็นทะเลบัวแดงเมื่อสิบห้าปีที่แล้วหลังจากบัวแพร่ขยายพันธุ์ แต่เดิมชาวบ้านใช้เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและบริโภค บ้างหาปลา บ้างหาพืชน้ำเป็นอาหาร ผิดกับปัจจุบันที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เมื่อปี 2552 ทางหน่วยราชการของ จ.อุดรธานี เข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์จนเริ่มเป็นที่รู้จัก แต่ทั้งนี้ ชาวบ้านจับกลุ่มกันให้บริการเรือนำเที่ยวเองแล้วตั้งแต่ปี 2547 แต่มีคนรู้ไม่มาก

เรือท้องแบนมีหลังคาผ้าใบคือยานพาหนะในการนำเที่ยว บรรทุกได้ไม่เกิน 10 คน แล่นจากท่าหนองหานบัวแดงตั้งแต่เช้าตรู่ คือรอให้มีแสงเห็นทางหน่อยเรือก็ออกแล้ว เรือจะแล่นไปตามร่องน้ำกลางทะเลบัวคล้ายเป็นทะเลแหวกหลบทางให้ ดอกบัวที่เห็นใกล้ๆ ขึ้นเป็นกระหย่อม ถ้าหากมองไปไกลๆจะเห็นเป็นบัวผืนใหญ่ผืนเดียว ขอแนะนำให้ไปรอชมช่วงพระอาทิตย์พ้นน้ำ ยามแสงทองฉาบลงบนน้ำทับสีชมพูบานเย็นของบัว มันจะเหมือนกับว่า “โลกทั้งใบไม่มีสีอื่นที่สวยไปกว่านี้แล้ว” (แม้จะเห็นจากภาพก็ยังไม่สวยเท่า)





บัวสายจะบานเต็มที่ราวสิบนาฬิกา ทุกกลีบกลางแฉกชูเกสรอาบแดด เพลินมองนกแซงแซวเฉี่ยวโฉบหาแมลงและแอบแวะพักขาบนดอกบัว หนองหานกุมภวาปีพบนกกว่า 100 ชนิด ทั้งนกท้องถิ่นอย่างนกกระสาแดง นกแซงแซว นกอีโก้ง นกเป็ดแดง และนกอพยพ เช่น นกเป็ดน้ำฝูงใหญ่หลายฝูงที่จะแวะเวียนมาเดือน ก.พ. พรรณไม้ก็เช่นกันพบพืชน้ำกว่า 50 ชนิด นอกจากบัวสายแล้วยังมีบัวหลวง บัวบก กกสามเหลี่ยม บอนน้ำ ผักแว่น ผักกูด จอก หญ้าขน เป็นต้น

ม.ค. ก.พ. บัวออกดอกแดงสะพรั่ง แต่ความงามนั้นไม่จีรัง เมื่อถึงปลาย ก.พ.ดอกก็เริ่มเฉาและหมดไปเมื่อ มี.ค.สิ้นสุดลง หนองหานกุมภวาปีจะเหลือไว้แต่เพียงใบบัวและแพวัชพืช ถึงตอนนั้นทะเลบัวแดงจะกลายเป็นแหล่งดูนก แนวต้นกกมีนกเกาะที่ปลายยอด




การท่องเที่ยวที่ทะเลบัวแดงจึงมีอายุเท่าแปรงสีฟัน ทำให้หอการค้าจังหวัดและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องผลักดันมาก ทุกปีจะจัดงานใหญ่ “วิวาห์ล้านบัว” เสนอแพ็กเกจให้ว่าที่บ่าวสาวมาแต่งงานกลางทะเลบัวแดงหนึ่งเดียวในประเทศไทย เห็นว่าเปิดรับสมัครแล้วและยังไม่หมดโควตา คู่รักที่สนใจยังสมัครได้จนครบจำนวน 21 คู่

ก.พ. เดือนแห่งความรัก เดือนสุดท้ายก่อนบัวแดงจะหมดอายุขัย ก่อนที่ความงามจะจากปีนี้ไป ชวนคนงามข้างกายไปชมบัวสาย และกระซิบรักให้เธอฟังหนึ่งที





สอบถามลุงไพรสิทธิ์ สุขรมย์ ประธานกลุ่มเรือประมงและนำเที่ยว ชุมชนบ้านเดียม ทะเลบัวแดงโทร. 089-395-0871

สอบถามหรือขอรับใบสมัครงานวิวาห์ล้านบัวได้ที่ หอการค้าจังหวัดอุดรธานี โทร. 042-248-582, 042-242-693 โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 ก.พ. 2557











ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/กิน-เที่ยว/เที่ยวทั่วไทย/275143/กุมภา-ณ-กุมภวาปี-รักบังเกิดที่บัวแดง
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ