พิจารณาธรรม ไปด้วย
พุทธะโคตะโม พุทโธ สุสุทโธ กรุณามะหัณณะโว ,
พระพุทธเจ้า พระพุทธะโคตะมะ ผู้บริสุทธิ์
มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ ,
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน ,
พระองค์ใดมีตา คือ ญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด ,
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก ,
เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก ,
วันทามิ พุทธะโคตะมัง พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ,
ขัาพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้า พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น
โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ ,
ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ พุทธะโคตะมัสสะ สัตถุโน ,
พระธรรมของพระศาสดา พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น
สว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป ,
โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก ,
จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน ส่วนใด ,
โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน ,
ซึ่งเป็นตัวโลกุตตระ , และส่วนใดที่ชี้แนวแห่งโลกุตตระนั้น ,
วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ,
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ ,
พุทธะโคตะมัสสะ สังโฆ สุเขตตาภ๎ยะติเขตตะสัญญิโต ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ ,
เป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่ กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย ,
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก ,
เป็นผู้เห็นนิพพาน ตรัสรู้ตามพระสุคต , หมู่ใด ,
โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส ,
เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล เป็นพระอริยเจ้า มีปัญญาดี ,
วันทามิ พุทธะโคตะมัสสะ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ,
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธะโคตะมะ หมู่นั้น , โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ ,
อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง , วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง, ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา ,
มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา .
บุญอันใด ที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งรัตนสาม คือ พระรัตนตรัย
อันควรบูชาอย่างยิ่งโดยส่วนเดียว ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้นี้ ขออุปัททวะ ( ความชั่ว ) ทั้งหลาย จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย
ด้วยอำนาจความสำเร็จอันเกิดจากบุญนั้น .
อิธะ พุทธะโคตะโม ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน ,
พระตถาคตเจ้า พระพุทธะโคตะมะ เกิดขึ้นแล้ว ในโลกนี้ ,
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส , ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ,
พุทธะโคตะเมนะ ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก ,
และพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ
ทรงแสดง , เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ ,
อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก ,
เป็นเครื่องสงบกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน ,
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต ,
เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ ,
มะยันตัง ธัมมัง สุต๎วา เอวัง ชะนามะ ,
พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว , จึงได้รู้อย่างนี้ว่า ,
ชาติปิ ทุกขา , แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ ,
ชะราปิ ทุกขา , แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ ,
มะระณัมปิ ทุกขัง , แม้ความตายก็เป็นทุกข์ ,
โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา ,
แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย
ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ ,
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ,
ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ ,
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ,
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ ,
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง ,
มีความปราถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ ,
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ,
ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ ,
เสยยะถีทัง , ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ
รูปูปาทานักขันโธ , ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ รูป ,
เวทะนูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ เวทนา ,
สัญญูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สัญญา ,
สังขารูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สังขาร ,
วิญญาณูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ ,
เยสัง ปะริญญายะ ,
เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง ,
ธะระมาโน โส พุทธะโคตะโม ภะคะวา ,
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ นั้น
เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ,
เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ ,
ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย เช่นนี้เป็นส่วนมาก ,
เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ พุทธะโคตะมัสสะ ภะคะวะโต
สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ ,
อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ นั้น , ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย , ส่วนมาก , มีส่วนคือ การจำแนก อย่างนี้ว่า ,
รูปัง อนิจจัง , รูปไม่เที่ยง ,
เวทะนา อนิจจา , เวทนาไม่เที่ยง ,
สัญญา อนิจจา , สัญญาไม่เที่ยง ,
สังขารา อนิจจา , สังขารไม่เที่ยง ,
วิญญาณัง อนิจจัง , วิญญาณไม่เที่ยง ,
รูปัง อนัตตา , รูปไม่ใช่ตัวตน ,
เวทะนา อนัตตา , เวทนาไม่ใช่ตัวตน ,
สัญญา อนัตตา , สัญญาไม่ใช่ตัวตน ,
สังขารา อนัตตา , สังขารไม่ใช่ตัวตน ,
วิญญาณัง อนัตตา , วิญญาณไม่ใช่ตัวตน ,
สัพเพ สังขารา อนิจจา , สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ,
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ,
ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตน ดังนี้ ,
เต (ตา *) มะยัง โอติณณามะหะ ,
เราทั้งหลาย เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว ,
ชาติยา , โดยความเกิด ,
ชะรามะระเณนะ , โดยความแก่ , และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ ,
โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย
ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ทั้งหลาย ,
ทุกโขติณณา , เป็นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ว ,
ทุกขะปะเรตา , เป็นผู้มีความทุกข์ เบื้องหน้าแล้ว ,
อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา
ปัญญา เยถาติ ,
ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้ ,
สำหรับภิกษุ สามเณร
จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง พุทธะโคตะมัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ
อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง ,
เราทั้งหลายอุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น , ผู้ไกลจากกิเลส , ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
แม้ปรินิพพานนานแล้ว ,
สัทธา อะคารัส๎มา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา ,
เป็นผู้มีศรัทธาออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว ,
ตัส๎มิง พุทธะโคตะเม ภะคะวะติ พ๎รัห๎มะจะริยัง จะรามะ ,
ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น ,
ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา ,
ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย ,
( สามเณรพึงเว้นประโยคนี้ หรือเปลี่ยนสวดว่าดังนี้ สามเณรานัง
สิกขาสาชีวะสะมาปันนา , ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรม
เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของสามเณรทั้งหลาย )
ตัง โน พ๎รัห๎มะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ
อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ ๑ .
ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น , จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุด ,
แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ .
หมายเหตุ: ๑ เมื่อสวดมนต์แปลให้สวดว่า สังวัตตะตุ ถ้าไม่สวดแปลให้สวดว่า สังวัตตะตูติ
* สำหรับสตรีสวด
สำหรับอุบาสกอุบาสิกาสวด
จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง พุทธะโคตะมัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา
เราทั้งหลาย ผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ
แม้ปริพพานนานแล้ว พระองค์นั้น เป็นสรณะ ,
ธัมมัญจะ สังฆัญจะ ,
ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย ,
ตัสสะ พุทธะโคตะมัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง , ยะถาสะติ ,
ยะถาพะลัง , มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ ,
จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น , ตามสติกำลัง ,
สา สา โน ปะฏิปัตติ ,
ขอให้ความปฏิบัตินั้น ๆ ของเราทั้งหลาย ,
อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ .
จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ .