พิมพ์

[raponsan]

นักโบราณคดีจีน ตรวจสอบโลงศพโบราณ ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ซื่อหลิน
ในซื่อหลินฮอต เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของจีน
โดยพบว่าเป็นโลงศพโบราณอายุราว 1,500 ปี (ภาพซินหวา)

(ภาพ) โลงศพโบราณอารยธรรม 1,500 ปี ที่มองโกเลียใน

       เอเจนซี - สื่อจีนเผยภาพโลงศพโบราณ ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ซื่อหลิน ในซื่อหลินฮอต เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของจีน โดยพบว่าเป็นโลงศพโบราณอายุราว 1,500 ปี
       
       ไชน่าเดลี่ เผย (12 มี.ค.) นักโบราณคดีได้ตรวจสอบโลงศพโบราณ ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ซื่อหลิน ในซื่อหลินฮอต เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของจีน โดยพบว่าเป็นโลงศพโบราณอายุราว 1,500 ปี ขุดขึ้นมาจากทุ่งหญ้าในซื่อหลิน ขณะที่ความประวัตความเป็นมาเกี่ยวกับเจ้าของโลงศพนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด มีข้อมูลเพียงว่าเป็นโลงศพของบุคคลในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ค.ศ.386-534) (ภาพซินหวา)
       
       

       รายงานข่าวกล่าวว่า ภูมิภาคเทือกเขาอัลไต ที่ยาวกว่า 2,100 กิโลเมตร ครอบคลุมชายแดนของ จีน มองโกเลีย รัสเซีย และคาซัคสถานนี้ เป็นพื้นที่ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรง และเคยเป็นที่ฝังสุสานโบราณยุคอารยธรรมไซเธียนส์ ของกลุ่มชนชาว “ไซเธียนส์ (Scythians) หรือ 'ศกะ - ซินเถียน' ในภาษาสันสกฤต นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกภาษารัสเซียว่า “ครูแกน” (Kurgans)
       
       นักโบราณคดีเชื่อว่า ใต้ดินบริเวณตลอดเทือกเขา มีสุสานโบราณยุคอารยธรรมไซเธียนส์ จำนวนมากถูกฝังแช่แข็งไว้ โดยอารยชนเอเชีย-ยุโรป ในยุคนั้น ยังเป็นชนเผ่าเร่ร่อนเดินทางไปทั่วเอเชีย เริ่มจากทะเลดำ ไปจรดทุ่งราบมองโกเลีย ได้แลกเปลี่ยนอารยธรรมกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ทั้ง จีน, อินเดีย, อิหร่าน, เมโสโปเตเมีย และมาซีโดเนียน กรีก

       

       อย่างไรก็ตาม ซินเธียนส์ได้ทิ้งมรดกอารยธรรมของตนหลงเหลือในปัจจุบันไว้น้อยนิด โดยมีบันทึกเพียงสองแหล่ง ที่พอจะเป็นข้อมูลให้ชนรุ่นหลังนับพันๆ ปีได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมเร่ร่อนของพวกเขา แหล่งข้อมูลแรกคือ บันทึกทางประวัติศาสตร์ โดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เฮโรโดตุส ที่อุทิศหนังสือบันทึกประวัตศาสตร์เล่มที่สี่ของตนให้กับเรื่องราวไซเธียนส์ ส่วนอีกแหล่งฯ คือพื้นที่อนุรักษ์สุสานโบราณครูแกนส์

https://www.youtube.com/watch?v=oqWCEqMEbgE#t=13

(คลิปสารคดีบีบีซี การค้นพบสุสานโบราณฯ ในเขตเทือกเขาอัลไต)

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000029155