ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ศึกษาธรรม 'สังเวชนียสถาน' ฟื้นพระพุทธศาสนาดินแดนพุทธภูมิ  (อ่าน 1634 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ศึกษาธรรม 'สังเวชนียสถาน' ฟื้นพระพุทธศาสนาดินแดนพุทธภูมิ
ผกามาศ ใจฉลาด รายงาน

แสงไฟแห่งความตาย ณ เมืองพาราณสี สาธารณรัฐอินเดีย ยังลุกโชนมานานหลายพันปี ควันยังโพยพุ่งให้เห็นเป็นระยะ ศพที่ห่อผ้าไว้รอเผา บางศพมีเงินน้อยซื้อฟืนได้ไม่มาก เผาได้ไม่หมด ผู้ทำหน้าที่สัปเหร่อก็โยนศพลงมหานทีคงคา ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับนักแสวงบุญ ณ แดนพุทธภูมิ กลับเป็นภาพที่ทำให้เกิดการปลงสังขาร เกิดสำนึกในการใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท เพราะทุกชีวิตสุดท้ายก็ต้องเดินทางมาสู่วินาทีนี้ ชายหญิงชาวอินเดียผู้แก่ชราบางคนถึงกับมาขอเช่าโรงแรมเพื่อรอการมาของ “ความตาย” ขอแค่เมื่อตายแล้วได้มาเผาริมฝังแม่น้ำคงคามหานทีแห่งนี้ ชาวฮินดูถือว่าดวงวิญญาณจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์

ภาพที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นท่าเผาศพ ท่าการบูชาคงคาอารตีอย่างยิ่งใหญ่มีมนต์ขลังอยู่ในที พราหมณ์ผู้นำหน้าที่ถือฉัตรอัคนีบูชาเทวดาทิศทั้ง 8 หยิบขนนกยูง ขนจามรี ปัดขับไล่สิ่งไม่ดีออกไป ทำให้เรือคณะผู้ประกอบศาสนกิจนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่อินเดีย-เนปาล รุ่นที่ 2 จำนวน 135 รูป/คน ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อเร็วๆ นี้เฝ้าติดตามอย่างไม่ละสายตา หลังจากนั้นทุกรูป/คนสวดมนต์ แผ่เมตตา และลอยกระทงบูชาพระสารีริกธาตุ ร่วมซึมซับวิถีชีวิตของชาวอินเดียที่สืบทอดกันมานานหลายพันปีและยังถือปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน


 :25: :25: :25:

“ทำไมมาอินเดีย ต้องมา คงคา?”  มหาน้อย หรือ พระครูนิโครธบุญญากร เจ้าอาวาสวัดไทยนิโครธาราม เนปาล กล่าวในฐานะพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล บอกว่า “มาเพื่อ 8 อย่าง มาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ มาดูการประกาศศาสนา มาดูคนอาบสรงในคงคา มาดูการวันทาดวงอาทิตย์ มาดูพิธีการปลงศพ มาดูการเคารพน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาปลงสัจจะแห่งชีวิต และมาพินิจสองฝั่งอย่างเห็นธรรม”

โดยตลอด 8 วัน มหาน้อย ได้นำคณะไปตามรอยสังเวชนียสถาน 4 ตำบล สถานที่ประสูติ ณ ลุมพีนี พุทธอุทยานแห่งชาติเนปาล สถานที่ตรัสรู้ ใต้ต้นมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา สถานที่ปฐมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันที่สารนาถ และสถานที่ทรงดับขันธปรินิพพานในสาลวโนทยาน ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละที่เมืองกุสินารา พร้อมบรรยายให้ความรู้อย่างครบถ้วนสมบรูณ์ แต่สิ่งที่สังเกตเห็นชัดเจนตลอดการเดินทางครั้งนี้ ทุกสถานที่เราจะได้ยินเสียงสวดมนต์ดังเป็นระยะไม่ขาดสาย แม้จะเป็นบทสวดมนต์บาลีสำเนียงของศรีลังกาบ้าง เวียดนามบ้าง เนปาลบ้าง พม่าบ้าง แต่ทั้งหมดมีความหมายเดียวกันคือ การบูชาและสรรเสริญพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


 st12 st12 st12

และดูเหมือนว่า นับวันชาวพุทธ พระสงฆ์ แม่ชี นักบวชจากทุกประเทศจะมุ่งหน้ามาเยือนดินแดนแห่งนี้มากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนิกชนผู้แสวงบุญทั่วโลก พระวิสุทธิญาณเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร กล่าวในนามคณะสงฆ์ที่เดินทางมาครั้งนี้ ว่า ขอขอบคุณกรมการศาสนาที่ได้นำพระสงฆ์มาเห็นสถานที่จริงว่าสิ่งที่อยู่ในใจพระหนุ่มเณรน้อยทั้งหลายว่าสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน มีอยู่จริงหรือ วันนี้ก็ได้มาเห็นว่ามีอยู่จริง ยิ่งสร้างความมั่นใจให้แก่พระสงฆ์ในการศึกษาธรรมและนำธรรมนั้นไปเผยแผ่ บอกเล่าต่อญาติโยมได้อย่างถูกต้อง หากมีโอกาสก็อยากจะกลับมาดินแดนของพระศาสดาอีก แม้เหนื่อยกาย แต่จิตใจกลับมีพลังอย่างบอกไม่ถูก

ขณะที่ นันทิยา สว่างวุฒิธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม หนึ่งในผู้แสวงบุญ บอกว่า การมาแสวงบุญครั้งนี้ได้รับความรู้จากพระมหาน้อย มีประสบการณ์อันล้ำค่ายิ่ง ได้สักการบูชา ได้ศึกษาพระประวัติอย่างรู้แจ้งเห็นจริง ยิ่งเกิดความศรัทธาเลื่อมใส เมื่อกลับไปใช้ชีวิตประจำวันจะต้องเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมที่ปฏิบัติศาสนกิจ และอยากให้คณะสงฆ์ที่เดินทางมาครั้งนี้กลับไปทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาผ่านกองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ของกรมการศาสนา กันให้มากๆ เพื่อต่อยอดประโยชน์ให้เกิดแก่ชาวพุทธ


 st11 st11 st11

จากนานาทัศนะจากผู้แทนคณะสงฆ์ และอุบาสก อุบาสิกา ข้างต้น จะเห็นได้ว่า ได้รับประโยชน์ตรงตามที่กรมการศาสนาตั้งเป้าไว้ กฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และส่งเสริมให้พระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชนที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ได้เปิดโลกทัศน์ ตลอดจนได้เรียนรู้และสัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นจริงในแดนพุทธภูมิ อันก่อให้เกิดความซาบซึ้งใจ สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้ประกอบคุณงามความดี และเป็นแบบอย่างที่ดี อีกทั้งเกิดความศรัทธาในการที่จะอุทิศให้แก่การเผยแพร่พระพุทธศาสนามากขึ้น


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140401/182050.html#.Uzo_E6I9S4k
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา