พิมพ์

[raponsan]

สลด! พ่อกิมจิ “ติดเกมออนไลน์” ปล่อย “ลูกชาย 2 ขวบ” อดตายคาบ้าน

เอเอฟพี – ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมชายคนหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าปล่อยให้ลูกชายวัย 2 ขวบ “อดตาย” คาบ้าน โดยตนเองออกไปเล่นเกมออนไลน์ที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ติดต่อกันนานหลายวัน
       
       ชายวัย 22 ปีซึ่งมีนามสกุลว่า ชุง ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (14) หลังมีผู้พบถุงขยะบรรจุซากศพเด็กที่กำลังเน่าเปื่อยในเมืองแดกู ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้
       
       คดีนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากสื่อแดนกิมจิ เนื่องจากรัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมกำลังผลักดันร่างกฎหมายที่จัดให้เกมออนไลน์เป็น “สิ่งเสพติด” พอๆ กับยาเสพติดให้โทษ, การพนัน และแอลกอฮอล์

       

       สถานีโทรทัศน์ในเกาหลีใต้ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดในลิฟต์ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งมาเผยแพร่ ซึ่งเป็นภาพ ชุง กำลังจ้องมองกระจกและใช้มือข้างหนึ่งจัดผม ส่วนอีกมือถือถุงขยะที่บรรจุศพลูกชายตัวเอง
       
       เหตุการณ์นี้คล้ายกับกรณีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เล่นวิดีโอเกม และปล่อยให้ลูกวัย 3 เดือนอดข้าวอดน้ำจนตายเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นคดีที่สะเทือนจิตใจชาวเกาหลีใต้ทั้งประเทศ
 
     
     
       เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ภรรยาของ ชุง ได้เริ่มงานใหม่ที่โรงงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมือง จึงต้องทิ้งลูกชายวัยแบเบาะไว้กับสามีที่ยังตกงาน แต่ปรากฏว่า ชุง กลับใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นเกมในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และกลับมาบ้านเพียง 2-3 วันครั้งเพื่อให้ข้าวให้น้ำแก่ลูก
       
       ตำรวจเปิดเผยว่า ชุง กลับมาพบลูกชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 มีนาคม จึงทิ้งศพเอาไว้ในบ้านนานกว่า 1 เดือน ก่อนจะตัดสินใจนำใส่ถุงขยะไปทิ้งในสวนซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ 1 ไมล์

       

       ในเบื้องต้น ชุง แจ้งความต่อตำรวจว่าลูกชายหายไป แต่ภายหลังก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนนำศพไปทิ้งเอง
       
       พนักงานสอบสวนประจำสถานีตำรวจเมืองแดกูให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า ชุง อาจถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและทิ้งศพ
       
       ภาวะติดเกมออนไลน์ถือเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครือข่ายไร้สายครอบคลุมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และมีอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด
       
       เมื่อปี 2012 หญิงชาวเกาหลีใต้ถูกจับกุมฐานทอดทิ้งทารกที่เธอ “คลอด” ในห้องน้ำของอินเทอร์เน็ตคาเฟแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอไปนั่งเล่นเกมติดต่อกันหลายวัน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000042002