พิมพ์

[raponsan]

'ปล่อยวาง' ได้ไว..ใจก็จะพบแต่ความสุข

ธรรมบรรยายโดย'พระไพศาล วิสาโล'

"การคิดเป็น คิดถูก คือ ฉลาดคิด ฉลาดมองรอบด้าน อย่างชาญฉลาด  ที่สำคัญต้องฉลาดทำใจด้วย เพราะสุขหรือทุกข์นั้นล้วนขึ้นอยู่กับมุมมองเป็นสำคัญ หากปรารถนาความสุขก็ต้องทำใจให้ได้ไว ไม่ผูกติด หรือยึดติดกับสิ่งใดอยู่นาน"  พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ ได้กล่าวไว้ในการบรรยายธรรมะพิเศษ หัวข้อ "ฉลาด..ทำใจ" ตามโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" หนึ่งในโครงการส่งเสริมการศึกษาพัฒนา คุณธรรม จริยธรรม ของซีพี ออลล์

พระอาจารย์ไพศาล กล่าวว่า การยึดติดกับสิ่งรอบกาย ไม่ว่าจะเป็น ดิน ฟ้า อากาศ การเมือง เศรษฐกิจ มักจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้เสมอ เช่น หากเรายึดความสุข ติดกับเศรษฐกิจ พอเศรษฐกิจมีแนวโน้มอาจดิ่งลงเราก็ลุ้น กดดัน ก็จะทุกข์  หรือยึดติดกับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนรัก หรือคนใกล้ชิด พอเขาไม่ได้เป็นไปอย่างใจเราหวัง หรือเขาต้องมีอันเป็นไป เราก็จะพบแต่ความเสียใจ

แต่หากเราลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ เอาความสุขไปจับตาดู สุขภาพกายและสุขภาพใจของเราก็จะมีความสุข  ดังนั้น ตราบใดที่เราเอาความรู้สึกไปผูกติดกับสิ่งนอกตัว มันก็มีแต่ความเสี่ยงที่เราต้องพบแต่ความผิดหวัง ความโศกเศร้า เสียใจ

 

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมสิ่งต่างๆ ภายนอกตัวเรา  สิ่งแวดล้อม ดิน ฟ้า อากาศ ค่าเงินบาท ราคาหุ้น หรือสามารถควบคุมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงเหตุการณ์บ้านเมือง  จึงอยากให้ "ปล่อยวาง" ถ้าเราสามารถทำได้ไว เราก็จะพบแต่ความสุข ความเจริญ เพราะเรา ฉลาด..ทำใจ

คนฉลาดจะเอาความสุขไปผูกติดกับคุณภาพจิต เพราะความสุขที่แท้จริงแล้วมันอยู่ที่ใจ อันนี้คือ ความจริงที่เราใคร่ครวญ จะเห็นดูได้ไม่ยาก จะสุขจะทุกข์มันอยู่ที่ใจ แต่หากจิตใจเราไม่ดี มันก็จะพาให้เราจมดิ่งอยู่ในความทุกข์ได้เหมือนกัน

การฝึกจิตใจสามารถทำได้หลายอย่าง การทำใจให้สงบ การเจริญสมาธิ การทำสมาธิ ภาวนา เจริญวิปัสสนา กระทั่งเห็นความจริงของชีวิต ไม่ยึดมั่นยึดติดกับสิ่งใด

 

"โยนิโสมนสิการ" เป็นวิธีการคิดที่มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ในการคิดวางแผนในการทำงานให้ประสบความสำเร็จได้

คำแรก คือ "โยนิ" แปลว่า เหตุ ต้นเค้าแหล่งเกิดปัญญา อุบาย  วิถีทาง
คำที่สอง คือ "มนสิการ" แปลว่า การนำในใจ การคิดคำนึง นึกถึง ใส่ใจ ซึ่งหมายถึงแนวการคิด ๔ ประการ คือ
    ๑. การคิดโดยใช้วิธีการต่างๆ (อุบายมนสิการ) ที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ความจริง
    ๒. การคิดอย่างมีระเบียบเป็นขั้นตอน ตามลำดับเหตุและผล  ไม่ทำให้ยุ่งสับสน (ปถมนสิการ)
    ๓. การคิดโดยการค้นหาสาเหตุและผล หาความสัมพันธ์ของเหตุและผล ที่เป็นผลต่อเนื่องแบบลูกโซ่ (การณมนสิการ)
    ๔. การคิดแบบกำหนดเป้าหมาย กำหนดผลล่วงหน้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ตนเองทำงานสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ (อุปปาทกมนสิการ)

ความทุกข์ของผู้คน ๙๙.๙๙% ของคนจำนวน ๗ พันล้านคน มักหนีไม่พ้นสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ ๕ ประการ ดังนี้
              ๑. ทุกข์ทางร่ายกาย/สุขภาพ
              ๒. ทุกข์เรื่องทรัพย์สมบัติ/เรื่องเงิน ทอง
              ๓. ทุกข์เรื่องการงาน/การเรียน
              ๔. ทุกข์เรื่องความสัมพันธ์ (คน) / การสูญเสีย
              ๕. ทุกข์เรื่องการเสียหน้า

 

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเกิดทุกข์ทั้งสิ้น เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คุณก็เป็นทุกข์ ทุกคนมักมองแต่สิ่งที่ตนเองขาด จนลืมมองในสิ่งที่ตนเองมี และทำให้เราจิตใจเสื่อม มองตนเองในแง่ลบ

     การเตือนสติตนเอง สามารถทำได้โดย
     ๑. การไม่ซ้ำเติมตัวเอง 
     ๒. การมองในแง่บวก 
     ๓. การอยู่กับปัจจุบัน

เพียงเท่านี้คุณก็จะเป็นคนที่ฉลาดในการใช้ชีวิตอยู่กับคุณค่า ไม่จมปลักกับความทุกข์ มีจิตใจที่สดใสงดงาม

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังธรรมะดีๆ กับโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ได้ที่ ชั้น ๑๑ อาคารซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม ทุกวันศุกร์ เวลา ๑๒.๐๐-๑๓.๓๐ น. สอบถามโทร.๐-๒๖๗๗-๑๖๒๘ หรือที่ www.cpall.co.th

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140515/184667.html