พิมพ์

[raponsan]

จุดประกาย ‘พุทธพลิกสุวรรณภูมิ’ เมื่อศาสนาทำหน้าที่เชื่อมอาเซียน

โลกปัจจุบันนี้เร่าร้อนขึ้นด้วยอานุภาพแห่งความแก่งแย่งชิงดี เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง กอบโกยเข้าหาตนเองจนขาดความละอาย จนทำให้โลกทั้งใบเต็มไปด้วยความเร่าร้อนของความโลภอย่างไร้ขีดจำกัด และถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมัวแห่งความโมหะ ส่งผลให้โลกเกิดวิกฤติโกลาหลไปทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทช่วยส่งเสริมสนับสนุนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ก็เล็งเห็นในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าศาสนาน่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเร่งร้อนของสังคมโลกได้ จึงได้จัดงานเสวนาหัวข้อ “โพธิคยา 980 พุทธพลิกสุวรรณภูมิ ธรรมวิชัยพลิกปัญหาสู่มรรค” ขึ้น ที่จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

และที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์สำคัญก็คือการที่มีผู้นำสงฆ์ในอาเซียนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ประกอบด้วย สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคมจากประเทศ ไทย สมเด็จเทพวงศ์มหาสังฆราชาธิบดี ประเทศกัมพูชา พระมหาผ่อง สะมะเลิก ประธานองค์การพุทธศาสนสัมพันธ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และพระ Nguyen Thanh Thien รองประธานคณะสงฆ์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อีกทั้งการเสวนาครั้งนี้ยังเป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้แก่พระธรรมทูต 30 รูป ที่ทางสถาบันฯคัดเลือกมาจากทั่วประเทศไทย เพื่อให้ไปศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึก ณ แดนพุทธภูมิประเทศอินเดีย-เนปาล ตามโครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไทยไปศึกษาธรรม ณ แดนพุทธภูมิ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่และปกป้องพระพุทธศาสนาในอนาคต

ก้าวย่างสำคัญจะเป็นการต่อยอดงานพระธรรมทูตสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ จนนำไปสู่พระธรรมทูตโลก โดยการพลิกดินแดนสุวรรณภูมิด้วยพระพุทธศาสนา และสามารถใช้ศาสนาให้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่นับถือศาสนาพุทธ ประกอบด้วย ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม เพราะประเทศเหล่านี้ยังมีความต้องการที่อยากจะเผยแผ่งานพระพุทธศาสนา แต่พบว่าพระสงฆ์ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาอยู่จำนวนมาก ผู้นำสงฆ์แต่ละชาติจึงต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้มิติทางศาสนาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนที่นับถือศาสนาพุทธเข้าไว้ด้วยกัน

ดร.ศุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 อธิบายว่า พระศาสนาสามารถเชื่อมโยงชาติต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้ในทุกมิติ ซึ่งทางสถาบันต้องการเริ่มต้นจากดินแดนสุวรรณภูมิที่มีประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเป็นหลักก่อน เพราะมองว่าความเชื่อมโยงในมิติของอาเซียนก็ยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แม้การเปิดเสรีทางการค้าระหว่างชาติอาเซียนก็ควรนำศาสนามาร้อยประสานเชื่อมโยงกันจึงจะประสบความสำเร็จได้ เพราะศาสนาไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร แต่หากเราไม่ใช้กระแสธรรมเข้าไปต่อสู้กับการหมุนไปของกระแสโลกาภิวัฒน์ เชื่อเลยว่าอีกไม่นานภูมิภาคของเราจะเกิดกลียุคทางสังคมอย่างแน่นอน

พระสุวรรณรัตนา เลขาธิการคณะสงฆ์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา บอกว่า พวกเราทุกคนจะช่วยกันพลิกดินแดนสุวรรณภูมิด้วยศาสนา ซึ่งการนำพระพุทธศาสนามาเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เชื่อว่าจะทำให้คนในสังคมเกิดความรักความสามัคคีร่วมกัน และยังต่อยอดไปถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าระหว่างอาเซียนได้เป็นอย่างดี เพราะมิติแห่งศาสนาไม่มีความขัดแย้ง ไม่เบียดเบียน เพราะทุกคนเป็นชาวพุทธเหมือนกัน ซึ่งเชื่อว่าการนำศาสนามาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนจะประสบความสำเร็จเกิดคำว่า “พุทธพลิกสุวรรณภูมิ” ได้อย่างแท้จริง และยังส่งผลให้เกิดสัมพันธไมตรีที่ดีกับพระสงฆ์แดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ด้วย รวมถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก

ในมุมมองของ พระธีระพันธุ์ ธีรโพทธิ์ ตัวแทนพระสงฆ์จากวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย เห็นว่า ดินแดนสุวรรณภูมิของเราแท้จริงแล้วก็คือพี่น้องกัน แต่ที่ผ่านมามีการแยกบ้านแยกเมืองออกไปเพื่อทำมาหากิน และดำรงชีวิตตามแนวทางที่ตนเองพอใจ แต่ศาสนาพุทธเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่า คนที่นับถือศาสนาพุทธทำอะไรคล้ายกัน เช่น การรักษาศีล วิธีปฏิบัติทางพุทธศาสนา เป็นต้น

“สิ่งที่ทำให้เห็นภาพชาวพุทธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากยิ่งขึ้นก็คือ บทสวดมนต์ที่เป็นภาษาเดียวกัน โดยสิ่งที่อาตมาคาดหวังเอาไว้ก็คือ เมื่อไหร่ดินแดนสุวรรณภูมิจะมีการพูดภาษาเดียวกันเหมือนประเทศยุโรปบ้าง ซึ่งถึงเวลาแล้วที่กลุ่มประเทศอาเซียนจะต้องมีการพูดภาษาเดียวกัน เพราะขณะนี้บทบาทของพระสงฆ์แดนสุวรรณภูมิได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยการใช้ภาษาบาลีพูดเป็นภาษาเดียวกัน

 

อาตมาจึงอยากปลุกกระแสในประเด็นนี้ว่าเราควรมีภาษาของเราเองได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดคำว่า พุทธพลิกสุวรรณภูมิ อย่างแท้จริง หรือหากย้อนมองดูประวัติศาสตร์ไทยก็จะพบว่า อักษรขอมโบราณของไทยจะคล้ายกับอักษรเขมรเช่นกัน ซึ่งเท่ากับว่าในอดีตเราเคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อจากนี้ไปศาสนาจะต้องเป็นตัวเชื่อมความรู้สึกของมนุษย์ให้กลับคืนมาในดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อสมัยก่อตั้งประเทศไทย เราก็ใช้ศาสนาพุทธก่อตั้งประเทศ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากหากเราจะใช้ศาสนาพุทธ เป็นจุดกำเนิดของเศรษฐกิจ สังคม การค้า การศึกษา เพราะเชื่อว่าศาสนาก่อให้เกิดความสามัคคี หากเมื่อไหร่เราใช้ศาสนานำทางในทุก ๆ มิติ สันติภาพจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” พระธีระพันธุ์ ฝากข้อคิด

หากผู้นำกลุ่มพุทธในดินแดนสุวรรณภูมิให้ความสำคัญและยอมรับเสียงสะท้อนเหล่านี้ และทำได้จริง เชื่อว่าการใช้หลักการเชิงพุทธนำนโยบายด้านต่าง ๆ ของอาเซียนจะก่อให้เกิดประโยชน์ในทุกมิติอย่างแน่นอน.

อุทิตา รัตนภักดี