พิมพ์

[raponsan]

สนง.พุทธฯ ชูวัด-พระ ปลอดบุหรี่ ต้นแบบชุมชน

มส.ตั้งเป้าหมายใช้สมุนไพรไทยส่งเสริมพระ-ชาวบ้านเลิกบุหรี่ บ่มเพาะเจ้าคณะจังหวัด-อำเภอ-ตำบล ใช้วัดเป็นศูนย์กลางรณรงค์งดสูบบุหรี่ในเขตการปกครอง หวังสร้างสังคมไทยปลอดบุหรี่มีสุขภาพดี

วันนี้(13 ส.ค.) ที่หอประชุมพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กล่าวสัมโมทนียกถาในการประชุมโครงการอดบุหรี่โดยใช้สมุนไพรแก่เจ้าคณะจังหวัด และพระสังฆาธิการว่า คณะสงฆ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) รณรงค์ให้พระสงฆ์และประชาชนงดสูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะบุหรี่มีโทษต่อร่างกายทั้งผู้เสพและบุคคลแวดล้อม ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ

อาทิ โรคถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด โรคหัวใจ ซึ่งปัจจุบันถึงแม้จะมีกฎหมายที่บังคับทั้งการขายและการสูบบุหรี่ก็ตาม แต่ก็ยังมีการสูบบุหรี่ให้เห็นกันอยู่ ดังนั้น ในส่วนของคณะสงฆ์ที่มีวัดเป็นศูนย์กลางชุมชนขอให้เจ้าคณะปกครอง พระสังฆาธิการ ดำเนินกิจกรรมรณรงค์งดสูบบุหรี่ภายในเขตการปกครอง เพื่อให้สังคมปลอดจากบุหรี่และมีสุขภาพดีต่อไป

 

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ. กล่าวว่า มส.มีมติเห็นชอบให้พศ.จัดโครงการอดบุหรี่โดยใช้สมุนไพรให้แก่ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ในการเพิ่มพูนความรู้เรื่องของโทษการสูบบุหรี่ วิธีการงดบุหรี่ เพื่อนำไปถ่ายทอดแก่พุทธศาสนิกชนที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆเห็นโทษของบุหรี่และประโยชน์ของการเลิกบุหรี่

ที่สำคัญพศ.ยังได้แจกยาสมุนไพรหญ้าดอกขาว ซึ่งมีสรรพคุณทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่ แก่เจ้าคณะปกครอง พระสังฆาธิการ เพื่อนำไปมอบให้แก่พุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ที่ต้องการเลิกบุหรี่เป็นการส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางและเป็นตัวอย่างงดหรือเลิกบุหรี่ รวมทั้งให้กำลังใจต่อผู้เลิกบุหรี่มีความอดทน มีศีล มีสัจจะ ที่จะทำให้การเลิกบุหรี่ประสบผลสำเร็จด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถิติการสูบบุหรี่ในกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ แพทย์ และครู ของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.ashthailand.or.th พบว่า ในปี 2530 พระภิกษุสงฆ์มีอัตราสูบบุหรี่สูงถึงร้อยละ 54 แพทย์ร้อยละ 23 และครูร้อยละ 23 จึงมีการรณรงค์ลดอัตราการสูบบุหรี่ใน 3 กลุ่มดังกล่าว เนื่องจากต้องพบเจอประชาชนจำนวนมาก และเป็นตัวอย่างสอนคนอื่นๆ ในสังคม
    โดยในปี 2547 พบว่า พระสูบบุหรี่ลดลงเหลือ ร้อยละ 37
    ปี 2552 ครูลดลงเหลือร้อยละ 8 และ
    ปี 2555 แพทย์เหลือร้อยละ 3

    ส่วนสถิติสถานการณ์ การบริโภค ยาสูบของคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาพ.ศ. 2534 – 2554 อัตราการสูบลดลงจาก 12.26 ล้านคน เป็น 11.51 ล้านคน

    นอกจากนี้ยังมีการพยากรณ์อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทย ตั้งแต่ปี 2554-2568 พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทยที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจะลดลงเฉลี่ยปีละ 0.23% และจะมีผู้สูบบุหรี่เท่ากับ 10.5 ล้านคนในปี 2568

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/259194/พศ.ชูวัด-พระปลอดบุหรี่ต้นแบบชุมชน