ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่อง อาบัติ(บาป) จากการรับเงินทอง ของพระภิกษุ.!!  (อ่าน 2355 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ว่าด้วยเรื่อง อาบัติ(บาป) จากการรับเงินทอง ของพระภิกษุ.!!
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

ปุจฉา : ว่าด้วยเรื่องอาบัติ บาป นรก ของพระภิกษุ ผู้ประพฤติผิดสิกขาบท (ศีล) ดังเช่นหากรับเงินทอง สั่งสมของมีค่า กระทำธุรกรรมทั้งหลาย แบบคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน จนถึงการล่วงละเมิดในกามคุณ เสพเมถุนธรรม... ด้วยเห็นพระภิกษุมากรูป รับเงินทองกันเป็นเรื่องธรรมดา มีการเข้าไปซื้อหาสิ่งของตามร้านค้าเหมือนคนโดยทั่วไป จึงใคร่ขอทราบความผิดและโทษทัณฑ์ที่ควรได้รับ คือ อยากจะถามตรงๆ ว่า *พระทุศีล-คนบาป* เหล่านี้ จะตกนรกขุมไหน(เพื่อต่อเนื่องจากปุจฉาในฉบับที่แล้ว !)

วิสัชนา : ขอเจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ปุจฉาในฉบับนี้ ต่อเนื่องจากคราวก่อนและคงตรงหัวใจของสาธุชนหลายท่าน ที่อยากทราบถึงผลแห่งการกระทำการอกุศลของพระภิกษุผู้ล่วงละเมิด พระธรรมวินัย ในพระพุทธศาสนาว่า จะรับผลบาปกรรมจริงไหม... ผลบาปกรรมเหล่านั้นเป็นอย่างไร !?

เรื่อง ผลบาปกรรม ... ผลบุญกรรม นั้น เป็นสามัญผล ที่รู้เห็นได้อย่างเป็นธรรมดาว่า ต้องเกิดขึ้น และเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ที่มีกฎเกณฑ์เป็นปกติในความเป็นจริงอย่างเป็นธรรมดา ว่าการกระทำต้องมีผล (วิบาก) และผล (วิบาก) ต้องตอบแทนการกระทำนั้น ดังนั้น ใครเป็นเจ้าของการกระทำ ก็ต้องรับผลแห่งการกระทำนั้น นี่เป็นธรรมดาที่แสดงอยู่ในรูป กรรมนิยาม อันปรากฏมีอยู่ในธรรมชาติว่าเป็นอย่างนี้... สิ่งนี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากการตราขึ้น... การตั้งขึ้นของบุคคลใดๆ


 st12 st12 st12 st12 st12

แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงบัญญัติขึ้นในสิกขาบท (ศีล) และอาบัติ (บาป) ต่างๆ ที่จะต้องปรากฏเกิดขึ้น หากมีการกระทำล่วงเกิน สิกขาบท (ศีล) นั้นๆ แต่ก็เป็นการบัญญัติอย่างสอดคล้อง เป็นไปตาม กฎเกณฑ์กรรม ด้วยทรงตรัสรู้แจ้งในความจริงทั้งหลาย... กฎเกณฑ์ทั้งปวงที่มีอยู่ในธรรมชาติ การบัญญัติใดๆ จึงไม่ได้ตราตั้งขึ้นตามความรู้สึกนึกคิด แต่เป็นการตราขึ้น ตั้งขึ้นโดยเป็นไปตามธรรม คือ ความเป็นธรรมดาที่ปรากฏมีอยู่จริงในโลกหรือในธรรมชาตินี้ อันสอดคล้องกับหลักอิทัปปัจจยตา

แต่ด้วยเพราะทรงรู้แจ้งแทงตลอดในโลก จึงสามารถหยิบยกความจริง(สัจจะ) ดังกล่าวขึ้นมากล่าวอ้างได้อย่างสอดรับ เป็นเหตุเป็นผล สอดคล้องกับความจริงที่เป็น สัจธรรม อันไม่มีใครๆจะคัดค้านหรือโต้แย้งให้ตกไปได้...

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

เมื่อเราเข้าใจตรงกันว่า พุทธบัญญัติ เป็นสัจธรรมที่ลุ่มลึกเกินกว่าจะนึกคิดตรึกตรองให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน ก็ ไม่ควรใช้ความคิดสถุลๆ ของเราเข้าไปคิดจาบจ้วงล่วงเกิน จนเกิดบาปกรรมขึ้นอย่างไม่ควร และถึงแม้ว่า พุทธบัญญัติ ในสิกขาบทน้อยใหญ่ (ศีลน้อย ศีลใหญ่) ทั้งหลาย จะยากต่อการเข้าถึงรู้จริงด้วยการนึกคิด

แต่หากรู้จักพิจารณาโดยหลัก สามัญผล*ก็ย่อมจะอนุมานเข้าใจได้ไม่ยากใน ความเข้าใจเชิงประจักษ์เพียงแต่ในความจริงบางเรื่อง แม้เป็น สามัญผล แต่ก็ประณีตละเอียด จะต้องใช้ สติปัญญา ที่มีกำลัง จึงจะพิจารณาจนรู้จริงในเรื่องนั้นๆ ได้... จึงอย่าอาจเอื้อมเอา ความคิดถั่วๆ มาวิพากษ์วิจารณ์พระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาอย่างเด็ดขาด เพราะจะผิดพลาดให้เป็นโทษ ส่งผลบาดเจ็บ เป็นภัยต่อผู้กระทำโดยปรามาสและประมาทธรรมอย่างไม่ควรเลย...

กลับมาพิจารณาในเรื่อง ศีลของพระ และวิสัยของสมณะ ที่สาธุชนควรเรียนรู้จดจำไว้ เพื่อการสงเคราะห์ที่ถูกควร จะให้จดจำไว้สั้นๆ ว่า... ศีลของภิกษุ เป็นศีลไม่มีสิ้นสุด (อปริยันตปาริสุทธิศีล) อย่างน้อย ๒๒๗ ข้อ (สิกขาบท)อย่างยิ่งไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยมีทั้งสิกขาบทในพระปาฏิโมกข์และที่มีมานอกพระปาฏิโมกข์ ซึ่งมีมากยิ่ง จึงแตกต่างจากศีลของสามเณรและคฤหัสถ์ ที่เป็นปริยันตปาริสุทธิศีล (มีสิ้นสุด)...



ในปาฏิโมกข์สังวรศีล ๒๒๗ สิกขาบท จัดแบ่งเป็นหมวดๆ คือ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคียปาจิตตีย์ ๓๐ ปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสขิยวัตร ๗๕ และอธิกรณสมถะ ๗

สิกขาบท (ศีล) เหล่านี้ ควบคุมให้พระภิกษุรู้จักประโยชน์และความเหมาะควรในการกระทำ ให้คุณอย่างยิ่งต่อผู้ละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป เพราะจะเป็นเสมือนเส้นทางเดินไปสู่ ขุมทรัพย์ทางปัญญา ในพระพุทธศาสนาที่ปลอดภัย เพื่อความสัมฤทธิผลตามประสงค์...

จึงมีการปลงชำระอาบัติ(บาป) ตามพระวินัยกันอยู่เสมอๆ เพื่อกระทำการคืนกลับมาของพรหมจรรย์ในศาสนานี้ของพระภิกษุจะไม่แช่จมอยู่ในอาบัติ (บาป) ที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทนั้นๆ ด้วย สามัญผล แห่งการกระทำผิดพระวินัย ที่เรียกว่า ต้องอาบัติ นั้น เป็นโทษแรง แม้ในอาบัติที่เกิดจากสิกขาบทเล็กน้อยแต่หากกระทำเป็น อาจิณกรรม คือ กระทำจนเคยชิน ไม่แก้ไข ก็จักให้โทษรุนแรง ตกนรกลึกเท่ากับบาปที่เกิดจากการล่วงละเมิดในสิกขาบทหมวดใหญ่ๆ ดังที่มีบัญญัติแสดงไว้ว่า...


 ans1 ans1 ans1 ans1

อาบัติทุกกฎ ทุพภาสิต ทำให้ตกถึง สัญชีพนรก มีอายุยืน ๕๐๐ ปีนรก ซึ่งนับปีในมนุษย์ได้ เก้าล้านปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งใน สัญชีพนรก

อาบัติปาฏิเทสนียะ ทำให้ตกถึง กาฬสูตรนรก มีอายุยืนพันปีนรก นับปีในมนุษย์ได้ สามโกฏิกับหกสิบแสนปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งในกาฬสูตรนรก

อาบัติปาจิตตีย์ ทำให้ตกถึง สังฆาฏนรก มีอายุยืนสองพันปีนรก นับปีมนุษย์ได้ สิบโกฏิกับหกสิบแสนปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งใน สังฆาฏนรก และอาบัติตัวนี้ เกี่ยวกับการล่วงละเมิดรับเงินทอง หรือมีสั่งสม หรือประกอบธุรกรรม หากไม่ไปพาดพิงไปถึงอาบัติตัวอื่นด้วย เอาเฉพาะอาบัติเป็นตัวๆ ซึ่งมีทั้งหมด ๓๐ สิกขาบท ที่หากล่วงละเมิดจะเป็น.....
 
อาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ จะทำให้ตกถึง โรรุวนรก มีอายุยืนสี่พันปีนรก นับปีมนุษย์ได้ห้าสิบเจ็ดโกฏิกับหกสิบแสนปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งใน โรรุวนรก

หากเป็นอาบัติมหานิสสัคคีย์ ทำให้ตกถึง มหาโรรุวนรก ซึ่ง มหานิสสัคคีย์ เป็นศีลนอกพระปาฏิโมกข์ มีอายุยืนแปดพันปีนรก นับปีมนุษย์ได้ สองร้อยสามสิบโกฏิกับสี่สิบแสนปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งใน มหาโรรุวนรก ภิกษุรูปใด โดยอาบัติมหานิสสัคคีย์ ต้องรีบแก้ไข อย่าทิ้งแช่ไว้ จะขยายตัวเป็นโทษมหาศาล

ในอาบัติ อนิยตถุลลัจจัย จะตกถึง ตาปนนรก

อาบัติถุลลัจจัย ท่านกล่าวไว้ว่า เป็นอาบัติอ้วน อาบัติผอม ถ้าอาบัติอ้วนก็ตกนรกลึก อายุยืนมาก ถ้าอาบัติผอมก็ตกตื้น อายุน้อย ด้วยอนิยตเป็นอาบัติ ไม่เที่ยง
    ถ้าเป็น ปาจิตตีย์ ก็อายุเท่ากับสังฆาฏนรก
    ถ้าเป็น สังฆาทิเสส ก็เป็นอายุเท่ากับ มหาตาปนนรก ที่มีอายุของ อาบัติสังฆาทิเสส ยืนถึง กึ่งกัป และ
   อาบัติปาราชิก ที่มี ๔ สิกขาบทนั้นจะตกถึง อเวจีนรก มีอายุยืนกัปหนึ่ง.!



ในอาบัติแต่ละตัวนั้น จะเพิ่มหรือแปรเปลี่ยนให้รับโทษภัยมากขึ้นหรือน้อยลง ขึ้นอยู่กับจำนวนของอาบัติหมายถึง หากกระทำผิดบ่อยๆ ไม่แก้ไขชำระเพื่อการระงับในโทษภัยจากอาบัติ ก็จะขยายตัวเพิ่มพูนตามจำนวนอาบัติในแต่ละตัว ที่จะนับเพิ่มขึ้นๆ และให้ยกระดับโทษสูงตามขึ้นด้วย

ที่สำคัญ ผู้ต้องอาบัติแล้ว ไม่ชำระ ปกปิดไว้ จัดเป็น วิณีกัมมันตราย ซึ่งจะปิดบังมรรคผลพระนิพพาน จนกว่าจะชำระล้างในอาบัติ (บาป) ที่ปกปิดไว้ จึงจะสามารถปฏิบัติเข้าถึงพระนิพพานได้...

แต่จริงๆ แล้วคงไม่ต้องพูดถึงพระนิพพานหรอก สำหรับผู้ดูหมิ่นศีล ดูหมิ่นวินัย เอาให้รอดจากนรกก่อน ก็สาหัสแล้วด้วยจำนวนวัยปีแห่งนรกแต่ละขุมนั้น มันช่างนานแสนนานจริงๆ...


เจริญพร


ขอบคุณบทความจาก
www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/310427/ว่าด้วยเรื่อง-อาบัติ-บาป-จากการรับเงินทองของพระภิกษุ-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ