ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : แนวทางการฝึกจิต(2)  (อ่าน 2996 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาธิชาวบ้าน : แนวทางการฝึกจิต(2)
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2014, 10:45:24 pm »
0


สมาธิชาวบ้าน : แนวทางการฝึกจิต(2)

เมื่ออบรมจิตมาจนถึงขั้นที่เจอ “ว่าง” ก็นับว่าผู้ปฏิบัติมาได้ถูกทางแล้ว ที่กล่าวเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะว่ามันแสดงถึงว่ารู้มันโตขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรให้รู้ก็ตาม นี่คือความเดิมแท้ของจิต

ไม่ใช่ว่าอบรมไปแล้วจิตรู้หายไป ถ้ารู้มันโตขึ้น แต่ไม่มีอะไรให้มันรู้ต่างหาก มันถึงว่าง ว่างเพราะจิตพรากออกมาจากความคิด ถ้าเข้าไปว่างในอาการอย่างนี้ติดไปนานๆ เข้า ธาตุรู้จะตื่นขึ้นมา แต่ไม่มีอะไรให้รู้ เรียกว่า “ติดว่าง”
เมื่อรู้โตมาก กว้างใหญ่ไพศาล แต่ไม่มีอะไรให้มันรู้เลย มันก็ว่าง เพราะไม่มีเครื่องรู้ มันได้จิตเดิมแท้ แต่ว่าไม่มีอะไรให้มันรู้ ดังนั้นเราจึงต้องหาอุบายให้มัน เพื่อให้มันไม่ติดว่าง มันก็จะไปรู้ในภูมิวิปัสสนาต่อไป นี่คือแนวทางการฝึกจิต


 :96: :96: :96: :96:

หลังจากนั้นพอเราหาอุบายมาให้มัน ด้วยการฟังธรรมก็ดี หรือให้มันมีการพิจารณาต่างๆ ก็ดี อาการที่มันได้สมาธิจิตนี้ก็จะเกิดรู้อย่างใหม่ขึ้นมา ซึ่งการรู้อย่างนี้จะอยู่เหนืออำนาจของสมมติบัญญัติอันเป็นความคิดที่เคยครอบงำมันอยู่

ตอนแรกๆ มันรู้เพราะอำนาจความคิดที่ครอบงำมัน แต่ทีนี้พอมันเกิดรู้อย่างใหม่ขึ้นมา ไอ้รู้ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในอำนาจของความคิดแล้ว เรียกได้ว่า “รู้ธรรมเห็นธรรม” หรือ “รู้แจ้งเห็นจริง” สุดแท้แต่จะใช้คำเรียกอะไร แต่ว่ามันเป็นการรู้ความจริง


 :25: :25: :25: :25:

ทีนี้จิตเมื่อรู้ความจริงต่างๆ ของเรื่องราวในชีวิตประจำวัน จากเมื่อก่อนที่เรารู้แต่สมมติบัญญัติที่มาครอบงำความคิดเรา ก็จะกลายมาเป็นเรารู้แจ้งเห็นจริง หลายคนอาจจะเรียกว่า “วิปัสสนา” เพราะมันยังอยู่ภายใต้อำนาจโลกรู้ ถึงรู้อย่างไรก็อยู่ภายใต้อำนาจสมมติบัญญัติโลก แต่ก็รู้ความจริง อาศัยสมมติบัญญัติโลกรู้ธรรมภายใต้ขอบเขตโลกไป

ธรรมในลักษณะนี้มันก็ทำให้ผู้ปฏิบัตินั้นเกิดความเข้าใจในธรรม เกิดปัญญาธรรมเข้าใจในธรรม อยู่บนโลกได้อย่างไม่ทุกข์ เพราะว่าความจริงมันปรากฏทุกอย่าง รู้แจ้งเห็นจริงหมด อะไรที่เคยโง่อยู่พอมี ปัญญาแล้วก็หายโง่ แต่ก็ยังไม่ถึงพระนิพพาน มันเป็นแค่อาการรู้ธรรมของโลกเท่านั้น





พอรู้ธรรมเสร็จ ความทุกข์ที่มีบนโลกก็น้อยลง รู้ว่าความอิจฉา ริษยา ความโกรธ ความอาฆาต พยาบาท มันก็มาทำร้ายตัวเอง ทำร้ายอย่างไรก็เห็นความจริงหมด เหมือนคนที่เขาไปเอาถ่านไฟแดงๆ มาอุ้มไว้ คนโง่ก็อุ้มไว้ คนไม่โง่ก็วางไป มันก็ไม่ร้อน คนโง่ก็อุ้มไว้ต่อไปอีก พอเห็นความจริงดังนี้ก็วางถ่านไฟนั้น ไม่อุ้มไว้ ทิ้งวางไป มันก็ไม่ร้อน เห็นความจริงแล้วก็รู้ความจริง ความจริงของโลก โลกก็เป็นอย่างนี้ เกิดมาทุกทีก็เป็นอย่างนี้

ผู้ปฏิบัติก็ได้ฌานได้ญาณ เกิดความรู้ความเห็นต่างๆ ตามขั้นของการปฏิบัติ ถ้าไปรู้อะไรที่คนทั่วไปไม่รู้ก็จะกลายเป็นผู้วิเศษไป เช่น ไปรู้อดีต รู้อนาคต เพราะว่าคนทั่วไปไม่สามารถรู้แบบนั้นได้ นี่ก็เป็นความเข้าใจแบบอวิชชาที่เกิดขึ้น เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานบนโลก พอสัตว์ตัวไหนรู้ภาษามนุษย์ก็จะกลายเป็นสัตว์วิเศษขึ้นมาทันที มนุษย์พอไปล่วงรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่เหนือความรู้ของมนุษย์ทั่วไป ก็จะกลายเป็นผู้วิเศษไป ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/240814/95115
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : แนวทางการฝึกจิต(2)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2014, 09:10:12 am »
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : แนวทางการฝึกจิต(2)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2014, 11:15:52 am »
0
 st11 st12 st12

  เสียดายไม่ใช่ บทความที่พระอาจารย์ เขียน
  ถ้าเป็นพระอาจารย์เขียน เรื่อง สมาธิ ชาวบ้าน ถ้าจะอ่านเข้าใจมากกว่านี้

  :c017: :25: :25:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ