
ขอบคุณภาพประกอบจาก
http://3.bp.blogspot.comอันนี้เป้น มาสก หรือ กหาปณะ ของมคธ ลักษณะ มีสองแบบ คือ แบบรูปใข่แบน ๆ และ แบบสี่เหลี่ยม แบบสี่เหลี่ยมนี้เป็นแผ่นทองผสมเงิน จะมีราคาค่ามากกว่า ส่วนแบบแบน รูปรี ๆ จะทำด้วยเงินผสมดีบุก มีค่าราคาน้อยกว่า แต่แผ่นที่ทำนั้นต้องมีตราประทับกษัตริย์ด้วย ตามรูปแบบถึงจะใช้ได้ตามราคาเป็นที่ยอมรับ การแลกเปลี่ยนสิ่งของตามค่าสมมุติในขณะนั้น
ฉันนั่งนึกถึง อริยะเศรษฐี( พระโสดาบัน ) อนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่ขน กหาปณะ ออกมาหมดคลัง เพื่อมาซื้อที่ดิน จากเจ้าเชตน์ ซึ่ง เจ้าเชตน์ไม่คิดว่า เศรษฐีจะทำจริง เพราะเขาไม่อยากขายให้ จึงพูดออกไปว่า ถ้า เศรษฐีจะเอาที่ดินตรงนี้ไปสร้างวัดให้กับ พระพุทธเจ้า ถ้านำกหาปณะ มาเรียงตามผืนดินในสวนเขาได้เท่าไหร่ ก็ขายเท่านั้น แน่นอนเขาได้คำนวณไว้ที่ 2.5 ตารางนิ้ว ต่อ 1 กหาปณะ นั่นแหละ ส่วนการวาง กหาปณะนั้นฉันไม่ได้คิดว่า ทัการวางจริง ๆ แต่คงใช้วิธีการคำนวณว่า 2.5 ตารางนิ้ว เท่ากับ 1 กหาปณะ เพราะสวนเจ้าเชตน์มีต้นไม้มากมาย ต้นใหญ่หลายคนโอบมีมาก ซึ่งเป็นไม่ได้ที่จะวางกหาปณะลงไปตรงนั้น ซึ่งแน่นอนเข้าเชตต้องตุกติกขายต้นไม้อีก ดังนั้นไปวางกหาปณะนั้นจริง ทำไม่ได้ ดังนั้นเขาคงใช้วิธีการวัด พื้นที่แล้วคำนวณออกมา ว่า 2.5 ตารางนิ้ว เท่ากับ 1 กหาปณะทอง ท่านอริยะเศรษฐี จึงให้คนนับ ทองคำกหาปณะว่ามีเท่าไหร่ ในคลังตนเอง ก็มอบให้ เจ้าเชตน์เท่านั้นตามจำนวนนั้นเลย
นี่คือ พลังศรัทธา ของ วัดที่ ชื่อว่า เชตวัน ซึ่งวัดเชตวันนั้น มีกล่าวในพระสูตรมากที่สุด เพราะเป็นวัดถ้านับก็เป็นวัดศูนย์กลางพุทธศาสนาในขณะนั้น
ส่วนเจ้าเชตน์หลังจากแพ้ศรัทธา อริยะเศรษฐีแล้ว แต่จะรักษาหน้าไว้ และคิดว่า คนอย่างอริยะเศรษฐี จะไม่ยอมซื้อที่ดินตรงนี้แน่ ๆ ก็คือทีดินส่วนหน้าเขาคือซุ้มประตูวัดจะยกให้แต่ให้เขียนป้ายวัดว่า วัดนี้เจ้าเชตน์เป็นผู้มอบถวาย
สุดท้ายปิดทองหลังพระ อริยะเศรษฐีบอกว่า ตามนั้น ท่านได้อยากได้ชื่ออยากให้คนเข้าใจอย่างนั้น ก็ตามนั้น วัดนี้ซื้อด้วย เงินคลังของอริยะเศรษฐี แต่กับมีชื่อว่า เชตวัน ตามชื่อเจ้าของ
นี่เรียกว่า ศรัทธาเป็นกำลัง ปิดทองหลังพระ ที่ยิ่งใหญ่