ผู้ต้องหาให้การเท็จ เพื่อลด โทษของคดี เบี่ยงเบนไปว่า กระทำไปไปโดยมิได้ไต่ตรอง
การสารภาพ ทำให้โทษ ลดลงกึ่งหนึ่ง และ การสารภาพในแนวทาง ที่กระทำไปโดยมิได้ไตร่ตรอง จะได้ความเห็นใจ อีกนิดหนึ่ง ทำให้โทษลดลงอีก คดีนี้ตามรูปการณ์ ติดคุกตลอดชีวิต แต่ ด้วยการสารภาพ จะเหลือสักประมาณ 30 ปี จากนั้นก็จะได้รับการลดหย่อนทุกปี ใน สอง วัน คือ ลดครั้งละ 6 เดือน เท่ากับ 1 ปี ดังนั้นเหลือโทษจำคุกเพียง 15 ปีเท่านั้น หากได้รับการไว้วางใจ จากผู้ดูแลเรือนจำ และ เป็นผู้มีความประพฤติดี ก็จะเหลือโทษเพียง ประมาณ 10 - 12 ปี
เรืองนี้ ไม่ใช่ ธรรมดา สาเหตุ น่าจะไม่ใช่เรื่อง ที่คนตายสวดมนต์เสียงดัง หรอก คิดดู ถ้าเป็นพี่น้องกันจริง เรื่องแค่นี้ไม่ถึงกับต้องฆ่า กันตาย นะครับ
ผลจากการชันสูตร
"จากการตรวจสอบที่บริเวณเหนือคิ้วด้านซ้ายแตก ขมับด้านซ้ายมีรอยเขียวช้ำถูกตีด้วยของแข็ง และที่บริเวณข้อเท้าด้านซ้ายมีร่องรอยถูกของมีคมบาดเป็นแผลลึก และห่างกันออกไปประมาณ 5 เมตร พบรองเท้าผู้หญิงตกอยู่ 1 คู่"
ผลจากผู้ต้องหา สารภาพ
"ขณะที่ตนยังนอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงสวดมนต์ของผู้ตาย รบกวนเวลานอนในช่วงเช้า
ตนจึงลุกขึ้นมาต่อว่าผู้ตาย และเกิดมีปากเสียง โต้เถียงกัน
พอผู้ตายนั่งสมาธิ ตนจึงเตะไปที่ก้านคอของผู้ตายไป 2 ครั้ง จนผู้ตายสลบแน่นิ่ง"
คำให้การ กับ ชันสูตร ขัดกันนะครับ
ขมับซ้าย ซึ่งจัดเป็นจุดที่แข็งของกระโหลก ถูกระบุว่า ตีด้วยของแข็ง
ข้อเท้าด้านซ้าย มีรอยมีคม บาดเป็นแผลลึก คำว่าลึก ในภาษาชันสูตร ต้องลึกมากกว่า 1 นิ้ว
มีรองเท้าผู้หญิง ตกอยู่ 1 คู่
คำให้การนี้ หมายถึงว่า ผู้ตายถูกตีด้วยของแข็ง จนขมับช้ำ ( ไม่ใช่โดนเตะก้านคอ ) ซึ่งเป็นเจตนาฆ่า ไม่ใช่บังเอิญแน่นอน ที่จะโมโหทำร้าย หมายถึงมีการเตรียมการไต่ตรอง ไว้ก่อน ส่วนข้อเท้าด้านซ้าย นั้น คงเป็นหลังจากฆ่าแล้ว เพื่อจะอำพรางศพ จะทำการหั่นเป็นชิ้น แต่เครื่องมืออาจจะไม่พอเพียง จึงเปลี่ยนใจ ส่วนรองเท้าผู้หญิง ที่ตกอยู่เป็นเจตนา เพื่ออำพรางคดี ว่าเป็นเจ้าของรองเท้า เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อเบี่ยงเบียน
มาพิจารณาคำให้การ ของผู้ต้องหา
คนเราถ้าง่วงมาก ๆ อย่างในตอนเช้า นี้ โดยปกติ ต่อให้มีเสียงอะไรเกิดขึ้น ก็จะง่วงนอนและนอนต่อ คนส่วนใหญ่ ช่วงเช้าต่อให้มีเสียงนาฬิกาปลุก ยังนอนฟังได้เลย การที่ผู้ตาย และ ผู้ต้องหา ทะเลาะกันในช่วงเช้านั้น น่าจะเป็นเรื่อง ผู้หญิง มากกว่า ที่อาจจะตกลงกันไม่ได้ น่าจะเป็นเรื่องชู้สาว ผู้ตายจึงอาศัยเสียงสวดมนต์ เป็นเครื่องบำบัดใจ ส่วนผู้ต้องหา ใช้อารมณ์อาฆาตเป็นเครื่องบำบัดความแค้น การเตะก้านคอไป 2 ครั้งทำไม่ได้ หรอกครับ ต้องนึกถึงความจริง คือ คนตายอยู่ในท่านั่งสมาธิ( ตามที่ผู้ต้องหาบอก ) เตะก้านคอครั้งที่ 1 หัวทิ่มไปด้านข้างซ้าย หรือ ขวา ทันที ซึ่งไม่สามารถลุกมานั่งให้เตะครั้งที่ 2 แน่นอนครับ ดังนั้น การตายไม่ใช่การเตะแน่นอน
การเตะก้านคอให้ตายนั้น มีอย่างเดียว คือก้านคอหัก ซึ่งการเตะอย่างนี้เป็นการเตะของนักมวย ที่ต้องฝึกฝนการเตะกระสอบทราบน้ำหนัก ขนาด 100 กก. กระเด็นได้ด้วยการเตะครั้งเดียว และ ก้านคอหัก เท่านั้น แต่เป็นการใช้ของแข็ง ( อะไรสักอย่าง ) ฟาดไปที่ขมับด้านซ้าย อย่างแรง ตายในครั้งเดียว แสดงว่าเจตนาฆ่า เมื่อเห็นว่าผู้ตาย ๆ ลง สิ่งที่ไม่ได้ไตร่ตรองว่า คือการอำพรางศพ
สรุป คนตายไม่ได้ตาย ตาม หัวข้อที่จั่ว นะครับ คดีแบบนี้ผมสืบสวนประจำ ครับ