ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวลับแลแห่.! กราบไหว้ตะเคียนยักษ์ เชื่ออายุ 300 ปี ตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา  (อ่าน 1459 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ชาวลับแลแห่กราบไหว้ตะเคียนยักษ์ เชื่ออายุ 300 ปี ตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา ยาวกว่า 36 ม.

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่บริเวณลานกว้างหน้าวัดบ้านใหม่โพธิ์เย็น หมู่ 6 ตำบลวังแดง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศในเขตพื้นที่อำเภอตรอนและใกล้เคียง แห่ดูต้นตะเคียนยักษ์ที่มีความยาวถึง 36 เมตร กว้าง 3 อายุกว่า 300 ปี นามว่า "แม่บัวขาว" หลังทราบข่าวว่า ทางคณะกรรมการวัดได้นำต้นตะเคียนยักษ์ขึ้นแม่น้ำน่าน

โดยการพบต้นตะเคียนดังกล่าวนั้นสืบเนื่องจากนายวิมเกิดแก้ว และ นายชาย พุกชื่น ซึ่งเป็นชาวบ้านได้วางตาข่ายดักหาปลาที่บริเวณท่าน้ำซึ่งอยู่ด้านหลังของวัดแล้วตาข่ายเกิดไปติดพันกับต้นตะเคียนจึงแจ้งให้พระครูสุสีลวัตร เจ้าอาวาสวัดบ้านใหม่โพธิ์เย็น เจ้าคณะตำบลบ้านแก่ง ได้รับทราบเมื่อปี 2556 แต่ไม่สามารถนำต้นตะเคียนดังกล่าวขึ้นมาจากแม่น้ำน่านได้เพราะน้ำลึก แต่ปีนี้ทางเขื่อนสิริกิติ์ลดการปล่อยน้ำลง ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านแห้ง ต้นตะเคียนจึงโผล่เหนือน้ำขึ้น ทางคณะกรรมการวัดจึงถือฤกษ์พร้อมนำขึ้นจากแม่น้ำน่านทันที ด้วยรถแทรกเตอร์จำนวน 3 คัน ช่วยกันชักลากจูงมาไว้ที่บริเวณลานกว้างหน้าวัด




จากนั้นได้นำเครื่องบายศรี พร้อมพวงมาลัยดอกดาวเรืองยาว 9 ศอก ผ้าขาวยาว 4 เมตร จำนวน 3 ผืน พร้อมด้วยผ้า 3 สี มาพันรอบต้นตะเคียน โดยนำแป้งขาวมาทาพร้อมติดแผ่นทองคำเปลวที่บริเวณโคนใต้ต้นตะเคียน โดยชาวบ้านได้นำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ และนำแผ่นทองคำเปลวมาติดที่ต้นตะเคียนด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว

ทั้งนี้ นายวิม ผู้ค้นพบต้นตะเคียนดังกล่าว เล่าว่า ตนพร้อมเพื่อนไปวางข่ายดักปลา จนพบต้นตะเคียนจึงแจ้งให้ทางคณะกรรมการ และเจ้าอาวาสวัดได้รับทราบ ซึ่งก่อนนำขึ้นจากแม่น้ำ ได้ทำพิธีตามหลักประเพณีในการอัญเชิญต้นตะเคียนขึ้นมาไว้ที่วัด ด้วยการสื่อสารกับเทพที่รักษาต้นไม้ ทราบชื่อว่า "บัวขาว" ชาวบ้านเรียก "แม่บัวขาว"




โดยชาวบ้านนั้นเชื่อว่าตะเคียนต้นนี้ จมอยู่ในแม่น้ำน่านนานกว่า 100 ปี แต่สภาพนั้นมีความสมบูรณ์มาก บางคนเชื่อว่าต้นตะเคียนต้นนี้มีอายุกว่า 300 ปี ใกล้เคียงกับอายุของวัด เพราะวัดแห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา ปีพ.ศ.2170 และได้รับวิสุงคามสีมา พ.ศ.2200 เป็นวัดมาถึงปัจจุบันนี้วัดมีอายุ  387 ปี

อย่างไรก็ตาม การที่พบเห็นต้นตะเคียนอยู่ในแม่น้ำน่าน โดยเฉพาะบริเวณท่าน้ำท้ายวัดนั้น ไม่เป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะที่วัดแห่งนี้มีต้นตะเคียนต้นเล็กและใหญ่ จำนวนกว่า 60 ต้น อยู่โดยรอบบริเวณวัด ทั้งยังมีมีต้นตะเคียนคู่ขนาดใหญ่มีอายุกว่า 200 ปี ตั้งเด่นสง่าอยู่ข้างหลังพระอุโบสถ์ ซึ่งชาวบ้านต่างให้ความนับถืออย่างมาก มีการนำผ้า 7 สี ผ้าสไบนางหลากหลายสีและชุดเสื้อผ้าพร้อมหุ่นผู้หญิงจำนวนมากนำมาถวายให้อยู่ตลอด หลังได้รับการตอบแทนจากการเสี่ยงโชค ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หากไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ และเป็นความเชื่อส่วนบุคคลสำหรับผู้ที่ศรัทธาเท่านั้น


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414326003
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ