ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม.? หลวงพ่อวิริยังค์ จึงสร้าง หลักสูตร 'ครูสมาธิ'  (อ่าน 2257 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ทำไม.? หลวงพ่อวิริยังค์ จึงสร้าง หลักสูตร 'ครูสมาธิ'
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยมนสิกุล โอวาทเภสัชช์ เรื่องและภาพ

    "สอนพระแล้วพระก็สึกหมด สอนโยมสึกไม่ได้แล้ว"

    พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร กรุงเทพฯ ผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ และหลักสูตร 'ครูสมาธิ' กล่าวผ่านวิดีโอออนไลน์ทั่วประเทศ ที่เรียนพร้อมกันทั่วประเทศฟรี! ในวันเสาร์และอาทิตย์ตลอด ๖ เดือน ทำให้บรรดาลูกศิษ์ที่เข้ารับการศึกษาตั้งแต่วัยไม่ถึงสิบขวบไปจนถึงแปดสิบกว่าปีฮาไปทั่วชั้นเรียน

     และเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา หลวงพ่อวิริยังค์ อาจารย์ใหญ่วัย ๙๕ ปี ที่สุขภาพแข็งแรงจากการทำสมาธิทุกวัน ได้เมตตาให้นักเรียนครูสมาธิ รุ่น ๓๕ ที่ท่านตั้งชื่อให้ว่า รุ่น '(ปัญจติงสโม) วิเศษพล' หรือ 'กำลังพิเศษ' ในภาคตะวันออกทั้งหมด เข้าฟังสัมโมทนียกถาจากท่านเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมีนักเรียนและครูสมาธิที่เรียนจบแล้ว เข้าร่วมประมาณ ๗๐๐ คน ท่ามกลางความปีติยินดี ที่ท่านเมตตาเป็นอย่างสูง ต่อนักเรียนครูสมาธิที่กำลังก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความสงบเย็นในชีวิต อันมีสมาธิเป็นพื้นฐาน

 
     ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

    ส่วนหนึ่งของสัมโมทนียกถา หลวงพ่อได้อธิบายถึงเหตุผลของการคิดค้นหลักสูตร 'ครูสมาธิ' ขึ้นมา โดยรวบรวมภูมิปัญญาที่ได้เรียนจาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนาธุระแห่งกรุงรัตนโกสินทร์โดยตรง เมื่อครั้งที่ได้อุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอยู่ ๔ ปี และได้ธุดงค์ครั้งสุดท้ายกับหลวงปู่มั่นด้วย ซึ่งวิชาความรู้ทั้งหมดเป็นดั่งพระไตรปิฎกมีชีวิตที่ฉายแสงแห่งธรรมออกมาอยู่ในหลักสูตรที่หลวงพ่อถ่ายทอดอย่างไม่ปิดบังให้แก่ลูกศิษย์ตลอด ๖ เดือนที่เข้าชั้นเรียน มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในชีวิต

    จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพียงไม่ถึง ๒๐ ปีของการก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ และหลักสูตรครูสมาธิ หลวงพ่อได้สร้างครูสมาธิไปกว่า ๑๐,๐๐๐ คน จาก ๑๒๐ สาขาทั่วโลก

    :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

    หลวงพ่อกล่าวในวันนั้นว่า สมัยก่อนคนจะเรียนสมาธิต้องไปบวชเป็นพระบวชแล้วก็ต้องไปเรียนสมาธิอย่างน้อย ๒๐ ปี กว่าจะมาสอนสมาธิได้ก็หัวหงอกพอดี

    "หลวงพ่อจึงได้วางระบบไว้อย่างนี้เลยว่า เมื่อจบแล้วเป็นอาจารย์ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม เด็กๆ แก่ๆ เป็นพระก็ตาม เป็นโยมก็ตาม เป็นอาจารย์ได้เลย มีใบประกาศนียบัตรรับรองได้ ไปสอนได้ เพราะเมื่อสมาธิเกิด ก็เกิดสามัคคีทางใจ อยากสอนสมาธิให้คนอื่นต่อไปแทนหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ดีใจ เพราะหลักวิชาที่หลวงพ่อเขียนไว้ตายตัว มีหลักวิชา คนนี้ป่วย คนนั้นก็มาสอนแทนได้ นี่เรียกว่า เป็นสากล ไปใช้ได้ เวลานี้นำไปใช้ในสถาบัน โรงเรียน มหาวิทยาลัย เยอะแล้ว สถาบันพระปกเกล้าก็นำไปสอนแล้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็เอาไปสอน โดยครูสมาธิที่เรียนจากสถาบันพลังจิตตานุภาพก็ไปสอนให้ และได้รับการยอมรับ



    "เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาปฏิบัติและสร้างแนวทางที่ถูกต้อง มันก็เกิดสิ่งถูกต้องมาให้แก่เรา พื้นฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าพื้นฐานไม่ดี ตึกสูงเท่าไรก็พังหมด แต่ถ้าพื้นฐานดี ตึก ๒๐ ชั้นก็ตั้งอยู่ได้ ที่หลวงพ่อสอน คือปูพื้นฐานให้ ไม่ใช่เรียนจบแล้วจะสำเร็จพระอรหันต์ ไม่ใช่ เราได้ขั้นพื้นฐานของสมาธิที่ถูกต้อง เรียกว่า สัมมาสมาธิ มาจาก มรรค ๘ ข้อที่ ๘ คือ 'สัมมาสมาธิ' "

    ซึ่งสัมมาสมาธินี้เมื่อเกิดขึ้นในใจก็จะทำให้จิตใจเกิดความเมตตา อยากช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นต่อไป ทำให้ครอบครัวร่มเย็น สังคมเกิดความสันติสุข

     st12 st12 st12 st12 st12

     หลวงพ่อกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก สามัคคีทางใจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ใช่ในทางให้ร้ายแก่ใคร เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการที่เกิดสันติภาพ ให้เกิดความสงบสุข ให้เกิดความอยู่เย็นเป็นสุข

     "ที่เรามารวมกันได้เพราะเรื่องของสมาธิ ทุกคนในที่นี้ได้เรียนสมาธิผ่านมาแล้ว จุดประสงค์ของการเรียนสมาธิคืออะไร ก็คือสะสมพลังจิต ซึ่งมีเฉพาะที่สถาบันพลังจิตตานุภาพนี้เท่านั้น เพราะอะไร เพราะก่อนทำสมาธิ เราจะมีอารมณ์ คิดมาก คิดไปคิดมามันไม่ใช่สมาธิ มันคือความฟุ้งซ่าน พอเราเริ่มทำสมาธิ เราก็เริ่มบริกรรม เรียกว่า บริกรรมพุทโธ อารมณ์ที่มีเยอะแยะเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นก็หายไป เหลือ 'พุทโธ' คำเดียว เมื่อเหลือพุทโธคำเดียว จิตก็เป็นหนึ่ง เมื่อจิตเป็นหนึ่ง จิตก็เป็นสมาธิ เมือจิตเป็นสมาธิ จิตก็ผลิตพลังจิตเป็นอัตโนมัติ


     :25: :25: :25: :25: :25:

    "เหมือนกับที่เรารับประทานอาหาร เมื่อรับประทานไปทางปากถูกต้องแล้ว อาหารที่ลงไปในท้องเรานั้นก็กลายเป็นวิตามิน โปรตีนทำให้คนเรามีชีวิต เช่นเดียวกับเมื่ออารมณ์ได้ถูกขจัดไปแล้ว ก็เหลือจิตเป็นหนึ่ง เมื่อเหลือจิตเป็นหนึ่ง จิตก็เป็นสมาธิ สมาธิก็ผลิตพลังจิตขึ้นมา เมื่อเราทำสมาธิอีก ก็บวก สะสม นอนเนื่องไว้ที่ใจ นอนเนื่องไม่ใช่นอนเนื่องธรรมดา นอนเนื่องอยู่ในชาตินี้แล้วนอนเนื่องไปถึงชาติหน้า ทำเท่าไรก็อยู่เท่านั้น เพียงแต่เราต้องทำให้มากขึ้น เป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่น ก็ได้พลังจิต เมื่อได้พลังจิตก็สบาย "

     แล้วหลวงพ่อก็เล่าเมื่อครั้งแรกที่ได้สมาธิ ตอนอายุ ๑๓ ปี ให้ฟังว่าดีอย่างไร
    "โอ้โห สมาธิที่ได้มันเหลือกิน คิดได้ว่าพระพุทธศาสนามีคุณใหญ่หลวงขนาดนี้ทีเดียวหรือ นี่เกิดจากพลังจิต เพราะเมื่อคนเราได้พลังจิต ตัวสำคัญที่ตามมาที่ได้โดยไม่คาดคิดคือ
       ๑.ความรับผิดชอบสูง
       ๒.ความมีเหตุผล และ
       ๓.ความมีเมตตา"



    สถาบันพลังจิตตานุภาพจึงกำเนิดขึ้นในปี ๒๕๔๐ อย่างเป็นระบบ และนับตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ จนถึงปัจจุบัน ภายในระยะเวลา ๗ ปีให้หลัง สถาบันขยายสาขาไปถึง ๑๒๐ สาขาทั่งโลกอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะอะไร อยากรู้ขอเชิญชวนทุกท่านไปเรียนกัน !

    สุดท้ายของสัมโมทนียกถา หลวงพ่อได้กล่าวถึงคุณค่าของสมาธิที่กว่าจะได้มา ไม่ใช่เรื่องง่าย

    "สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อต้องพูดคือ เมื่อเราได้ของดีมาก็ต้องรักษา เพราะกว่าจะได้ของดีมา มันยาก การรักษาก็ลำบากกว่า อย่างไรก็ตามเราจะต้องรักษาต่อไป คือระบบการเรียนการสอน อย่าไปทำวิปริต นอกรีตนอกรอย ใครสอนนอกรีตนอกรอยเรามีสิทธิ์ที่จะประท้วง เพราะอะไร เพราะการเรียนการสอนมีหลักฐาน บางคนมานั่งสมาธิ แล้วก็อยากได้วิปัสสนา แต่พลังจิตไม่พอ เลยไม่ได้ทั้งสมาธิและวิปัสสนาเหลวไปเลย เพราะพลังจิตไม่พอ เมื่อพลังจิตไม่พอจะไปพิจารณาความเกิด ความดับ มันก็ไม่สำเร็จ

     st11 st11 st11 st11 st11

     "ดังนั้นคนที่มาในวันนี้ หลวงพ่อก็ดีใจแล้ว ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ง่าย มันน่าอัศจรรย์จริงๆ มาด้วยสมาธิ มาด้วยจิตอันเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นจงรักษาความดีไว้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม มันจะไปอยู่ที่ไหนขึ้นชื่อว่าเกลือเค็มหมด เราจะไปอยู่ที่ไหน เรารักษาวิธีการปฏิบัติที่เรากระทำอยู่นี้ ให้ตลอดรอดฝั่งไป"

    และการรักษาที่ดีที่สุดก็คือการปฏิบัติ 'สัมมาสมาธิ' นี้ ให้ต่อเนื่องจนเข้าสู่วิปัสสนา จนสามารถพิจารณาเกิด-ดับ ในแต่ละขณะจิตจนกว่าจะเข้าสู่กระแสพระนิพพาน ก็จะไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป นั่นคือ
เหตุผลสุดท้ายของการที่หลวงพ่อสร้างหลักสูตรครูสมาธิ พื้นฐานให้มั่นคงมอบไว้ให้กับโลก และฝากไว้ในใจของมนุษย์ ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาอย่างดีที่ไม่มีใครสามารถขโมยไปได้


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141106/195421.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ