ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : การฝึกปล่อยวางจิตไม่ยึดมั่นถือมั่น  (อ่าน 2795 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

สมาธิชาวบ้าน : การฝึกปล่อยวางจิตไม่ยึดมั่นถือมั่น

    อารมณ์ที่เรายังเกิดเสียใจเมื่อบางสิ่งสูญสลาย เสียหาย เกิดจากจิตเราไปยึดว่าเป็นของเรา ใส่ความรู้สึกต่างๆ ผูกติดกับสิ่งนั้น ย่อมเกิดเป็นความรู้สึกต่างๆ ครั้นเมื่อฝึกจิตให้เข้าสู่ภาวะเดิมแท้ เราจะไม่มีจิตของเรา จิตที่เคยหลงยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นจิตของเราวิญญาณของเราหมดไป ภาวะนี้ต้องเป็นปัญญาพระนิพพานถึงปล่อยได้ ความสะสมทั้งกรรมดีกรรมชั่วต่างๆ ที่มีอยู่ในจิตของเรา วิญญาณของเรา จะปล่อยเป็นธรรมชาติหมดไม่เหลืออะไร 
 
    มีคำถามว่า สิ่งที่เคยรู้ผ่านจิตผ่านวิญญาณต่างๆ เมื่อตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปเปรียบเหมือนตัดมือตัดเท้า ไม่มีเครื่องมือ ตัดหมดทุกสิ่งที่เคยใช้เครื่องมือ ในที่สุดไม่มีอะไรจะผ่านเป็นเจ้าของถึงการจบรู้แล้วโดนตัดหมด อวิชชาหมดไป ไม่มีจิต ไม่มีวิญญาณ เพราะจิตวิญญาณต่างๆ ตัด เขาคืนความเดิมแท้ไปหมด ถึงรู้อยู่ แต่ไม่มีอะไรให้รู้ หมดสภาพไปเองโดยปริยาย ถึงจะรู้ แต่ไม่มีอะไรให้รู้ ว่างอยู่อย่างนั้นตลอด ไม่มีสิ่งใดให้ไปหลงยึดมั่นถือมั่น และเป็นธาตุรู้ดิบลงไป ไม่มีปรากฏ เป็นอาการนิ่งเฉย สงบ สว่าง และไม่รับรู้ อาการนิ่งเฉย


     :25: :25: :25: :25: :25: :25:

    พระพุทธเจ้าเห็นว่าอาการแบบนี้เป็นอาการของจิตเดิมแท้ที่จะปล่อยวางจิตไปถึงอาการเดิมแท้ ย้อนกลับมาอย่างเราปฏิบัติตอนจิตถูกครอบงำ อวิชชาหลากหลายคลอบงำเรา ให้เราเห็นว่าจริง ให้เห็นว่าโลกนี้จริง สมมติโลกจริง เห็นตามที่บอก เมื่อจิตเรามีความตั้งเริ่มเห็นกิเลสแบบหยาบๆ ด้วยภูมิปัญญาของเราเบื้องต้น ก็เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นโลกิยภูมิ คือเห็นความจริงของทุกข์ เห็นสิ่งต่างๆ เช่น มีหินก้อนหนึ่งตั้งอยู่ตามธรรมชาติ เป็นหินอะไรไม่รู้ เราไปเอาหินนั้นมา บอกเป็นของเรา คิดว่าหินก่อนนี้ดี สวย ใส่ความรัก ไปผูกพัน อยู่ๆ มีคนทำตกแตก ความยึดมั่นถือมั่นมีเท่าไหร่มันก็เกิดทุกข์เท่านั้น เท่าที่มันมีความรักใส่เข้าไป คนอื่นไม่เสียใจ เพราะไม่ใช่เจ้าของ

    เมื่อก่อนหินตั้งอยู่ตามธรรมชาติ คนเอาเป็นเจ้าของยึดถือมั่นเรื่อยๆ พอหินแตกก็เสียใจ อำนาจความเป็นเจ้าของมันนำความทุกข์มาให้เราพิจารณาแล้วไปเห็นจริงตามนี้ เมื่อหลายพันปีที่ใครบรรลุธรรมรู้เรื่องนี้ เช่น ทุกวันก็รู้อย่างนี้ อนาคตต่อไปใครเข้าไปถึงธรรมะข้อนี้ก็รู้แบบนี้ เหมือนกันแสดงเห็นว่าธรรมะนี้เป็นความจริง ธรรมะจึงเป็นสิ่งที่ปฏิบัติเวลาไหนก็รู้เช่นนี้ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ใครปฏิบัติก็รู้อย่างนี้ เพราะเป็นความจริง



    หากจะกล่าวถึงธรรมะขั้นพระนิพพานต้องเพียรฝึกขั้นสูงกว่านี้มาก ต้องกล้าพิจารณา ฝึกฝนเข้าไปอีก เพราะต้องสวนความรู้สึก การฝึกปล่อยการวางเป็นการสวนความรู้สึกยึดมั่นถือมั่น เมื่อทำแล้วจะตอบสนองความรู้สึกของอวิชชาได้ดี การปล่อยการวางทำได้ยาก แต่ต้องทำต้องเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วเกิดปัญญาก็สามารถทำได้ เพราะหากไม่เกิดปัญญาย่อมทำได้ยาก

    "ปัญญา" อย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่เกิดปัญญาย่อมได้แค่เพียงพอรู้ธรรมแบบสะสมบุญ ไม่ได้รู้แบบพระนิพพาน รู้ว่าทำอะไรแล้วจะได้อะไร ทำอย่างนี้แล้วจะได้อย่างนี้ ไม่ได้รู้แบบปล่อยวาง ยังเป็นความคิดทางโลกที่ใส่อันนี้ไป ต้องได้อย่างนี้ ซึ่งในความเป็นจริง ปัญญาธรรมมันมีหลายระดับ เมื่อเราเริ่มต้นฝึกฝนเรื่อยๆ ควรทำต่อเนื่องให้ก้าวหน้าถึงธรรมขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นไป.



ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/091114/98706
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : การฝึกปล่อยวางจิตไม่ยึดมั่นถือมั่น
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 09:41:38 am »
0
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ถ้าจบโพชฌงค์ยังไงก็ต้องลงด้วย อุเบกขา

     ครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ตามพระไตรปิฏก นั้น พระสุคต นั้นกล่าวถึง โดยทั่วไปที่เห็นกันบ่อย อ่านพบบ่อย ได้ยินบ่อย และฟังกันบ่อยในเรื่องกรรมฐานที่ให้เจริญนั้น

        มีโพชฌงค์7
                 มีอานาปานสติ สติปัฏฐาน

     พระบรมศาสดา ตรัสสรรญเสริญยิ่งซึ่งธรรมเหล่านี้ รวมแม้การตรัสสอนเหล่าสาวกทั้งหลายก็ด้วยเช่นกัน
ก็คงไม่พ้นธรรมเหล่านี้
                    ขออนุโมทนาสาธุ 
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : การฝึกปล่อยวางจิตไม่ยึดมั่นถือมั่น
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 10:09:44 am »
0
อุเบกขา ความปล่อยวางจิต หากเป็นยาคงเป็นยาที่ดี  แล้วหัวใจโพชฌงค์คืออะไร และความจริงคืออะไร

     การรวมหรือ มัดรวมฟ่อนกิเลสด้วยสมาธิ และ ปล่อยกิเลสทั้งหลายด้วย อุเบกขา เปรียบประดุจว่าให้เทกิเลสทั้งหลาย ไหลคืนลงสู่ดิน  ปล่อยจิตไปตามวิธีอุบายกรรมฐานตามทางเดินของจิต ที่เป็นธรรมชาติของจิตเดิมแท้ ตอนที่เจ้าไปเจ้าก็ไปเหมือนตอนที่เจ้ามา พระอริยะเจ้ากล่าวไว้ว่าคืนโลก ไปสู่ความจริงทุกสิ่งอย่าง ด้วย สมถะวิปัสสนา ทําให้เป็นดั่งยาน  เพื่อ มุ่งตัดภพชาติทั้งกิเลสของใหม่และของเก่า มุ่งตรวจ มรรคญาณ ผลญาณ ปัจเวกขณญาณ ตามครูอาจารย์ได้กล่าวไว้ดีแล้ว

      ครูอาจารย์กล่าวว่า มรรค๔ ผล๔ นิพพาน๑


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2014, 10:17:46 am โดย aaaa »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา