ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โครงการโรงงานรักษาศีล 5 สร้างความสุขให้คนทำงาน  (อ่าน 1296 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



โครงการโรงงานรักษาศีล 5 สร้างความสุขให้คนทำงาน

“การมีศีลจะเป็นหลักประกันให้แก่สังคมได้เป็นอย่างดีว่าสังคมนั้นจะมีความสุข ความสงบ เกิดความปรองดองสมานฉันท์” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เคยกล่าวถึงเป้าประสงค์ของการดำเนินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ที่ขณะนี้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั่วประเทศในการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติในวิถีชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการใช้มิติทางศาสนาและวัฒนธรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์และคืนความสุขให้แก่คนในชาติ

สำหรับจังหวัดปทุมธานีก็เป็น 1 ใน 11 จังหวัด ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นจังหวัดนำร่องขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 โดยทุกภาคส่วนของจังหวัดต่างร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา รวมถึงสถานประกอบการภาคแรงงาน โดยสำนักงานแรงงานจังหวัดปทุมธานีที่ได้รับนโยบายจากนายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวจึงได้จัดให้มีโครงการ “โรงงานรักษาศีล 5” ขึ้นในพื้นที่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือ ผู้ใช้แรงงานในจังหวัดปทุมธานีที่มีมากถึงกว่า 3 แสนคน ในโรงงานกว่า 13,000 แห่ง

 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการเปิดตัวโครงการโรงงานรักษาศีล 5 ซึ่งนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานในพิธีเปิดโครงการโรงงานรักษาศีล 5 ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การรักษาศีล 5 เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่เบียนเบียนตนเองและไม่เบียดเบียนผู้อื่น ส่งผลให้สังคมสงบสุขร่มเย็น ดังที่บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลายและเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง บุคคลใดชำระศีลให้บริสุทธิ์แล้วย่อมเป็นเหตุให้พ้นจากความทุจริต จิตจะร่าเริงแจ่มใสและเป็นทางหยั่งลงมหาสมุทร คือ นิพพาน

ดังนั้น เพื่อน้อมนำดำริของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชมาปฏิบัติ ทางจังหวัดปทุมธานีจึงได้ดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมการรักษาศีล 5 ในทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงสถานประกอบการต่าง ๆ ด้วย “การที่สถานประกอบการจำนวนมากซึ่งประกอบไปด้วยนายจ้าง–ลูกจ้าง ตื่นตัวเห็นความสำคัญและร่วมมือกันอย่างจริงจังในการจัดกิจกรรมรักษาศีล 5 ขึ้นในโรงงานจึงถือเป็นสิ่งที่ดี เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันภายในโรงงานให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจังหวัดปทุม ธานีที่มุ่งเป็นสังคมอยู่เย็นเป็นสุขอีกด้วย” นายพงศธร กล่าวด้วยความชื่นชม


 :25: :25: :25: :25: :25:

นายวัฒนา สุจิตรานุรักษ์ เจ้าของบริษัท แสงเจริญ ฮอทดิพ กัลป์วาไนซ์ เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า การจัดโครงการนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพนักงานในโรงงาน โดยโรงงานมีพนักงานประมาณ 200 คน ครึ่งหนึ่งเป็นต่างด้าว อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนไทย ซึ่งทุกคนดีใจมากที่จะได้มีโอกาสทำบุญร่วมกัน โดยพนักงานทุกคนจะน้อมนำหลักศีล 5 ไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ทางโรงงานยังได้กำหนดแผนทำกิจกรรมต่าง ๆ ทุกเดือนเพื่อส่งเสริมการรักษาศีล 5 เช่น กิจกรรมใส่บาตรโดยนิมนต์พระจากวัดบ่อเงิน ซึ่งเป็นวัดใกล้โรงงานมารับบิณฑบาตในโรงงาน หลังจากนั้นพนักงานก็จะไปช่วยกันทำความสะอาดบริเวณโดยรอบโบสถ์ของวัดบ่อเงิน

“ผมเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมาก และให้การสนับสนุนเต็มที่ เชื่อว่าผลจากการรักษาศีล 5 จะทำให้พนักงานเกิดความสามัคคีกลมเกลียว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอื่น ๆ ได้อีกมาก เช่น การมาสาย ไม่ตรงเวลา การลักขโมย และที่สำคัญเรื่องการดื่มสุรา และยาเสพติดจะลดลง นายจ้างสบายใจขึ้น ตำรวจก็ทำงานน้อยลง” นายวัฒนา กล่าว


 st12 st12 st12 st12 st12

กาญจนา ทองหล่อ หนึ่งในพนักงานของบริษัท เล่าว่า ตนได้เตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง มาใส่บาตรพระ 18 รูป รู้สึกดีที่บริษัทจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรในโรงงาน และได้บำเพ็ญประโยชน์ให้กับวัด พนักงานทุกคนต่างดีใจและตื่นเต้นเตรียมตัวมาแต่เช้านำของมาทำบุญ และช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ล่วงหน้าก่อน 1 วัน พนักงานส่วนใหญ่อยากให้มีกิจกรรมแบบนี้ทุกเดือน เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญที่วัด ส่วนตัวคิดว่าเป็นโครงการโรงงานรักษาศีล 5 เป็นโครงการที่ดีและน่าจะทำอย่างต่อเนื่อง เพราะจะช่วยให้สังคมในโรงงานดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

เมื่อนายจ้างและลูกจ้างมีความตระหนักในการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติในวิถีชีวิตประจำวัน อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกัน ลดข้อขัดแย้ง และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งแค่เปิดตัวโครงการในระยะแรกก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถานประกอบการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ สมัครเข้าร่วมโครงการมากถึง 30 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบการที่มีพนักงานมากกว่า 200 คนขึ้นไป ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยยังผูกพันใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา ทุกคนต่างก็อยากเป็นคนดี และได้มีโอกาสประพฤติปฏิบัติตัวตามแนวทางที่ดีโดยเริ่มต้นจากการรักษาศีล 5 ยิ่งได้รับการส่งเสริมสนับสนุนก็พร้อมปฏิบัติเสมือนได้รับการเติมพลังที่เข้มแข็งให้แก่จิตใจ


 st11 st11 st11 st11 st11

สำหรับกิจกรรมที่สถานประกอบการต้องดำเนินการ คือ การทำประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้พนักงานอย่างน้อยร้อยละ 60 แสดงเจตจำนงเข้าร่วมโครงการถือศีล 5 มีการจัดนิทรรศการ หรือจัดบอร์ดประชาสัมพันธ์กิจกรรม และดำเนินกิจกรรมรักษาศีล 5 ตามที่สถานประกอบการแต่ละแห่งสามารถดำเนินการได้ อาทิ นิมนต์พระมาทำบุญตักบาตรวันเกิดของพนักงาน หรือในวันพระเดือนละ 1 ครั้ง และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ส่งเสริมการฝึกทำสมาธิก่อนเข้าทำงาน และช่วงพักเที่ยง ประกวด การสวดมนต์ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าการบูรณาการความร่วมมือและส่งเสริมสนับสนุนของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการทำกิจกรรมใด ๆ ทางสังคม โดยการใช้ทุนทางสังคมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนก็คือการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่คนในชุมชน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความรัก ความสามัคคี และเอื้ออาทรต่อกันอันจะนำมาซึ่งความสงบสุข ร่มเย็น ในสังคมและประเทศชาติต่อไป.

เธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์
แรงงานจังหวัดปทุมธานี


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/279793/โครงการโรงงานรักษาศีล+5
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ