ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปัจจัยแห่งบุญ ตอน การฝึกจิต รักษาใจ สร้างกุศลธรรม  (อ่าน 2391 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29297
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ปัจจัยแห่งบุญ ตอน การฝึกจิต รักษาใจ สร้างกุศลธรรม

การปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ทาน ศีล ภาวนา อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ย่อมเป็นการสะสมบุญเป็นเสบียงเก็บไว้ บุญทั้งหลายต่างติดตามเราอยู่ในจิตวิญญาณเรา เมื่อเราสร้างบุญจะรู้ว่าทำแล้วจิตวิญญาณผ่องใส เมื่อจิตวิญญาณมันผ่องใสจะเป็นเกาะกำแพงแก้วให้แก่เราและผู้ปฏิบัติทุกคน ไม่ว่าอยู่ตรงไหน สิ่งต่างๆ บนโลกจะเอื้ออำนวยไปเอง ให้สะดวก ปกป้องรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติ

หากเราพิจารณาทำความดี ไม่หลงไปตามกลไกของโลก พึงมีตามสมควรของโลกที่พึงจะเป็น ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรมะเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่ใช่จะต้องไปยากจนเดือดร้อน แต่ทำแล้วต้องรู้จักเท่าทัน หากมีอะไรเข้ามามากๆ แล้วอย่าไปหลง เพราะเมื่อหลงไปมาก ธรรมะจะเสื่อม จึงต้องพิจารณาอย่างพอดีให้เกิดปัญญาธรรมรักษาเอาไว้ อย่าไปหลงโลกมายา คิดว่ามีพลังจิต จินตนาการไปคิดว่าตนได้แล้วถึงขั้นนั้นขั้นนี้ เกิดความต้องการเยอะมากขึ้น ผลกลับกลายเป็นว่าในที่สุดแล้วใจที่ฝึกมาก็ไม่เหลืออะไร ไม่สามารถพ้นจิตอำนาจโลก อยากมี อยากได้ อยากเป็น

 :25: :25: :25: :25:


พอมีความอยากมากเกิน มีอำนาจโลก หลงติดยึด ลืมทบทวนไป เอาความยึดติดไปสนองกิเลสโลกเสีย หากเป็นเช่นนี้ย่อมเกิดช่องว่างให้มีมารมารบกวน จิตเช่นนี้เหล่ามารชอบนัก มารต่างๆ ดึงให้ผู้นั้นนำอำนาจไปสนองกิเลสตัณหาทางโลก คนพวกนั้นแทนที่จะได้ปัญญาพระนิพพาน พิจารณาพระนิพพาน กลับมัวไปแสวงหาสมบัติโลกมาสนองกิเลสทางโลก พระนิพพานก็จบลง

ดังนั้นแล้วปฏิบัติไปได้ก้าวหน้าขึ้น พลังจิตพัฒนา เราต้องหมั่นทบทวนบ่อยๆ อย่าใช้พลังจิตเพื่อประโยชน์โลกอย่างเดียว พอถึงช่วงที่พอแล้วก็ต้องพอ ต้องรู้จักว่าพอ เมื่อคิดอย่างไรแล้วเป็นอย่างนั้น พอเริ่มคิดอย่างไรแล้วเป็นอย่างนั้นต้องระวังเยอะๆ เพราะความคิดมันบังคับอยาก คิดให้เขาดี เขาก็ดี เกิดไปคิดให้เขาไม่ดี เขาก็ไม่ดีตามเรา มันจะเกิดกรรม เขาเรียกว่าความคิดก็ทำให้เกิดกรรมได้ บางคนวาจาศักดิ์สิทธิ์ ไปว่าด่าใครก็เป็นไปตามนั้น วาจาก็ทำให้เกิดกรรมได้ ถ้าไปพูดให้เขาดีมันก็ดี เกิดไปแช่งเขาให้เขาเสียหาย เขาเป็นไปตามปาก วาจาสิทธิ์มันก็เป็นกรรมได้ นี่เป็นเพราะว่าเป็นความบริสุทธิ์ของกาย ของวาจา ของใจ 3 อย่างนี้อะไรบริสุทธิ์ก็มีฤทธิ์หมด กายบริสุทธิ์ดีแล้ว ทำพิธีกรรมอะไรก็เป็นไปตามนั้น วาจาบริสุทธิ์ดีแล้ว พูดอะไรก็เป็นไปตามนั้น จิตบริสุทธิ์ดีแล้ว แม้กระทั้งคิดอะไรก็เป็นไปตามที่คิดนะ นี่เป็นพลังจิต

 st12 st12 st12 st12

พลังจิตนี้ควบคุมยากกว่าอะไรทั้งหมด แค่คิดมันก็เป็นแล้วนะ ดังนั้นต้องควบคุมให้ดี ควบคุมดีแล้วเราก็ไม่เป็นภัย ถ้าควบคุมไม่ดีแล้วเป็นภัย มันต้องควบคุมกิเลสภายในจิตใจด้วย โทสะ โมหะ ความอิจฉาริษยาเหล่านี้ต้องเห็นตลอด เคลื่อนไหวเมื่อไหร่ต้องเห็น ถ้าไม่เห็นเมื่อไหร่จะคุมความคิดไม่อยู่ คว้าไม่ทัน ถ้าคนปากไวคว้าไม่ทัน ด่าไปแล้ว พูดไปแล้ว วาจาตัวเองมันศักดิ์สิทธิ์แล้วคว้าไม่ทันนะ กลายเป็นไปสร้างกรรมได้

ความคิดมันเร็วกว่าปาก แค่คิดเท่านั้นมีโทสะ โมหะ เข้าไปประกอบ แค่คิดก็เกิดเป็นกรรม ต้องระวังไว้ อะไรเคลื่อนไหวต้องเท่าทันตลอด อย่าปล่อยให้อำนาจโทสะมาครอบงำ ดวงจิตนี่มีพลัง แล้วเมื่อดวงจิตมีพลังย่อมต้องดูแลมันให้ดี อย่าไปแช่งชักหักกระดูกใคร อย่าไปเคียดแค้นใคร พอเวลาเราคิดให้ร้ายใครมันก็เกิดอย่างนั้น เป็นเพราะอำนาจจิตเรานะ ความคิด ทั้งกาย วาจา ใจ ถึงความบริสุทธิ์แล้วก็เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่ของศักดิ์สิทธิ์มันมีทั้งดีและไม่ดี คิดให้เขาดีก็ดีไป เป็นกุศลกรรมไป เกิดคิดให้เขาไม่ดีก็กลายเป็นบาปเป็นกรรม เพราะอำนาจความคิดไปทำให้เกิดอย่างนั้นได้.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/110115/101451
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ