พิมพ์

[raponsan]

เฟซ-ไลน์ ใช้นอกราชการ.!

ในฐานะที่สนใจติดตามข่าวไอทีอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่า ตื่นเต้นไปกับผู้ประกอบการดิจิตอลและนักการค้าอีคอมเมิร์ซ ต่อนโยบาย รวมถึงท่าทีจริงจังของรัฐบาล

ในฐานะที่สนใจติดตามข่าวไอทีอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่า ตื่นเต้นไปกับผู้ประกอบการดิจิตอลและนักการค้าอีคอมเมิร์ซ ต่อนโยบาย รวมถึงท่าทีจริงจังของรัฐบาล ที่ประกาศเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิตอล จนรำคาญใจทุกครั้งที่มีเสียงทักท้วงจากนักวิชาการที่เกรงว่าถ้าหลักไม่แม่น รู้ไม่จริง จะป้อแป้ และแป้ก เหมือนพวกครีเอทีฟ อีโคโนมี หรือโนว์เลจ เบส อีโคโนมี อะไรเทือกนั้น

แต่ที่สุด ปลายสัปดาห์ก่อน ก็ต้องตั้งหลัก คืนสติ รำลึกความจริงปัจจุบัน กับข่าวที่กรมการปกครอง มีคำสั่งไปยังหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ห้ามบุคลากรใช้คอมพิวเตอร์ของทางราชการไปในทางส่วนตัวกับโปรแกรมโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก (facebook) หรือไลน์ หรือการส่งอีเมลที่เข้าข่ายความผิดอาญา โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นดูแลการใช้คอมพิวเตอร์ หากมีบุคลากรกระทำผิด จะถือเป็นความบกพร่องของผู้บังคับบัญชาด้วย

 

คุณกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง บอกกับสื่อมวลชนว่า ที่ต้องออกหนังสือคำสั่ง ก็เพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองคนหนึ่งในต่างจังหวัด เผยแพร่รูปภาพและส่งข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กในลักษณะหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดี การออกคำสั่งนี้ไม่ใช่การจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นการป้องกันไม่ให้ใช้ของทางราชการไปในทางที่ส่อให้เกิดความเสียหาย

การที่กรมการปกครอง สั่งห้ามการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของทางราชการกับโปรแกรมโซเชียลมีเดียทั้งปวงรวมถึงอีเมล สำหรับเรื่องส่วนตัวนั้น อาจมีทั้งคนเห็นด้วยหรือเห็นแย้ง แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ จะทำให้ โปรแกรมเกี่ยวกับการสื่อสาร ที่เป็นประโยชน์ สะดวก และประหยัด ทั้งทำให้การเชื่อมโยงระบบงานที่คาบเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวได้รับผลกระทบ ทั้งยังทำให้ความเข้าใจ หรือมุมมองของทางราชการ ที่มีต่อเครื่องมือสื่อสารที่เข้าถึงง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ ไปในทางลบ

 

ยกตัวอย่างเช่น การส่งข้อความของข้าราชการ แจ้งนัดหมายของผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัด จะไปตีกอล์ฟกับหัวหน้าส่วนราชการอื่น หรือที่มาจากส่วนกลาง การวางแผนการดูแลครอบครัวของแขกที่มาจากกระทรวง กรม ที่เป็นทั้งเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว จะใช้อย่างไร

ปัญหาของการใช้โซเชียลมีเดีย หรือระบบการสื่อสารใด ไม่ได้อยู่ที่ เทคนิค หรือเครื่องมือ แต่อยู่ที่ความรู้จักผิดชอบชั่วดีในการใช้

 

ทางราชการควรสร้างการรับรู้กับข้าราชการ และเผยแพร่ สร้างวัฒนธรรมการใช้โซเชียลมีเดียหรือระบบการสื่อสารที่ดีให้กระจายสู่ชุมชน นอกจากนี้ ควรกำชับให้ทราบว่า การส่งภาพ หรือข้อความที่อาจเข้าข่ายความผิดอาญา หรือสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น จะต้องรับผิดตามกฎหมายนั้น ๆ และยังต้องเจอข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่มีใจความว่า การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม หรือข้อมูลเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ทั้งโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย นำเข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลลามก รวมถึงการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลที่เข้าข่ายความผิดข้างต้น

เหล่านี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายนี้ ออกมาบังคับใช้แล้ว 7-8 ปี แต่ยังมีข้าราชการหรือประชาชนทั่วไปกระทำผิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีไม่น้อยที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แชร์แห่ตามกัน และถูกติดตามตัวได้โดยง่าย ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่โพสต์ หรือเมนต์ออกไป

 

ในอนาคตอันใกล้ เราจะมีกฎหมายเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศ อีก 8 ฉบับ ที่เพิ่งผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ที่ห่วงกันว่า มีบทบัญญัติให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง ที่อาจกลายเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนได้ ถ้าการควบคุมไม่ดี

แต่เจตนาของการออกกฎหมาย ก็เพื่อป้องกันภัยจากไซเบอร์ ที่หลายประเทศก็ทำกัน

ในวันที่คนกลุ่มหนึ่งตื่นเต้นกับประโยชน์ที่จะได้จากเศรษฐกิจดิจิตอล อีกด้านก็ต้องตระหนักกับข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ว่า ยังมีความไม่รู้ หรือมีคนที่ฉวยโอกาสใช้อุปกรณ์ที่มีประโยชน์ไปทำผิดกฎหมาย

การกีดกันห้ามใช้โซเชียลมีเดียในราชการคงป้องกันปัญหาไม่ได้โดยเฉพาะในศักราชที่เราจะพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจดิจิตอล.

วีระพันธ์ โตมีบุญ
veeraphant@gmail.com

ขอบคุณบทความและภาพจาก
www.dailynews.co.th/Content/Article/298271/เฟซ-ไลน์+ใช้นอกราชการ!