ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รื้อ.! คดีธัมมชโย แยกวินัย-กฎหมาย  (อ่าน 1758 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
รื้อ.! คดีธัมมชโย แยกวินัย-กฎหมาย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2015, 09:06:12 am »
0

รื้อ.! คดีธัมมชโย แยกวินัย-กฎหมาย

กลายเป็นกระแสร้อนแรงเมื่อ มีข่าว สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะรื้อคดี “พระธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดียักยอกทรัพย์ขึ้นมาใหม่ พร้อมๆไปกับการเดินหน้าของ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ที่เดินหน้าร้องเรียนให้ตรวจสอบมติมหาเถรสมาคม ที่ระบุว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยังไม่ต้องอาบัติปาราชิก

และ...ก่อนหน้านี้หลายวันก็มีข้อมูลร้อนๆในโลกโซเชียลที่ออกมาเปิดเผยกรรมการมหาเถรสมาคม 12 รูป จากทั้งหมด 20 รูป ที่ลงมติให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ต้องอาบัติปาราชิก

จับประเด็นมติมหาเถรสมาคม ที่ระบุว่า “พระธัมมชโย ยังไม่ปาราชิก” เพราะไม่ได้ฝ่าฝืนพระลิขิตพระสังฆราชและคืนทรัพย์สินให้วัดไปแล้วนั้น เป็นอีกมุมที่ต้องตรวจสอบ...เพราะขัดและแย้งกับพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี 2542 ที่รับรองโดยมติของมหาเถรสมาคมเองว่า...

“พระธัมมชโย ต้องอาบัติปาราชิก”


 :96: :96: :96: :96:

ไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ บอกว่า ที่ผ่านมาพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมหลายรูปก็ถูกร้องเรียนว่ามีลักษณะทับซ้อนกับการใช้ดุลพินิจในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกรณีคืนทรัพย์สินให้วัดหมดแล้ว ไม่ได้มีเจตนาถือไว้ จึงไม่ปาราชิก เป็นคนละเรื่องกัน...

“การเอาทรัพย์สินที่เป็นของวัดมาใส่ชื่อตัวเองต้องถือว่าขาดจากความเป็นพระแล้ว”

ในคดียักยอกทรัพย์...เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ประเด็นรื้อคดีใหม่มูลเหตุสำคัญในวันนี้ สิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสังคม บอกว่า เป็นเพราะสมัยนั้น พันตำรวจโททักษิณ ได้มีการสั่งการให้อัยการยุติสอบในเรื่องนี้

“หลังจากนั้น...เรื่องก็เงียบหายไป”

 ask1 ask1 ask1 ask1

กรณีนี้เป็นเหมือนหนังเรื่องยาวที่ต้องทบทวน แบ่งตอนกันให้ดีๆ กระทู้สนทนาเว็บไซต์พันทิปกระแสร้อนในโลกออนไลน์มีหลากหลายมุมมอง โต้กันไปโต้กันมา สมาชิกหมายเลข 839116 โพสต์สั้นๆเอาไว้ว่าเป็นเรื่องดี การรื้อคดีจะได้สอบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง ไขความจริงให้กระจ่าง

พร้อมยกตัวอย่างตามข้อมูลในสมองและมุมมองส่วนตัวว่า...

ชาวพุทธ เวลาทำบุญที่วัดจะมี 2 ประเภท บางคนชอบวัดก็ทำบุญกับวัด เรียกว่า “สังฆทาน” แต่บางคนศรัทธาพระก็ทำบุญกับพระกรณีหลวงพ่อธัมมชโยก็เหมือนกัน... “คนศรัทธาก็ยกที่ดินให้หลวงพ่อ ไม่ได้ยกให้วัด ข่าวกรองไปถึงสังฆราชว่าหลวงพ่อยักยอกที่ดินวัดก็มีพระลิขิตให้คืนที่ให้วัด พระธัมมชโยเห็นเป็นพระลิขิตสังฆราช ไม่อยากขัดขืนก็เลยยกที่ดินที่เป็นของตัวเองให้วัด ไม่ใช่คืนที่ดินให้วัด”

แตกประเด็นโต้กันยาวถึงเรื่อง “ธรรมวินัย” กับ “กฎหมาย” สมาชิกผู้ใช้นามว่า “P_vicha” บอกว่า ต้องแยกออกจากกันให้ออก พระวินัย...เมื่อภิกษุรูปใดรูปหนึ่งมีใครคิด หรือเห็นว่าทรัพย์นั้นหรือไทยทานนั้นเป็นของตน ต้องสละทรัพย์นั้นไปทันที หรือสละเป็นของสงฆ์ไปเสีย ไม่เช่นนั้นก็ผิดศีล


 :32: :32: :32: :32:

อีกข้อที่สำคัญ..ภิกษุจะรับ ช้าง ม้า วัว ควาย แม้ที่ดินไม่ได้ ถ้ารับเป็นของตนก็จะผิดศีลอีก

ส่วนศีลปาราชิกนั้น เมื่อผิดแล้วก็ขาดจากความเป็นพระทันที ไม่ว่าจะถูกลงอธิกรณ์ หรือไม่ถูกลงอธิกรณ์ก็ตาม ไม่ว่าจะแสดงตนเป็นผู้ห่มจีวรโกนผมก็ตาม ต้องเข้าใจในเรื่อง “ธรรมวินัย” ตรงนี้ด้วย

เชื่อมโยงกับประเด็น “พระอักษร (พระลิขิต) ของสมเด็จพระสังฆราช” สมาชิกหมายเลข 1831258 ให้ข้อมูลว่า หลายคนพยายามเรียกว่า...พระบัญชา แล้วอธิบายในทำนองว่า มหาเถรสมาคม พระเถรานุเถระ ฯลฯ ภิกษุทุกรูปจะต้องปฏิบัติตามพระอักษรนั้นโดยเคร่งครัด จะเป็นอื่นไปไม่ได้

เพราะ...พระอักษรมีฐานะเป็นกฎหมาย มุมมองส่วนตัวเห็นว่าเป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ก็อาจพูดด้วยมีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความวุ่นวายแตกแยกในสังคมชาวพุทธ


 st12 st12 st12 st12

พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 8 ระบุว่า การตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช หมายถึง พระบัญชานั้น จะต้องไม่ขัดแย้งหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม

พระอักษรจะถือว่าเป็นพระบัญชาตามมาตรา 8 หรือไม่ ก็ต้องพิจารณาว่าขัดแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคมหรือเปล่า

แต่ถ้าปรากฏว่าขัดหรือแย้ง ก็ถือว่าเป็นเพียงมติส่วนพระองค์ ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย


 st11 st11 st11 st11

เรื่องต่อมาที่ต้องพิจารณา ประเด็นพระอักษรที่ระบุเรื่องปาราชิก จะถือว่าเป็นพระบัญชา มีผลทางกฎหมายหรือไม่ ให้พิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ หมวด 4 นิคหกรรมและการสละสมณเพศ ก็จะทราบว่า อำนาจในการวินิจฉัยตัดสินอธิกรณ์ต่างๆเป็นของผู้ใด ระหว่าง...สมเด็จพระสังฆราชกับมหาเถรสมาคม?

จึงยังคงเป็นประเด็นเคลือบแคลงสงสัยกังขา พระธัมมชโยยักยอกทรัพย์หรือไม่?

หลายมุมมองส่วนตัว ก็บอกว่า “พระ” มีการถือครองทรัพย์สินเช่นเดียวกันนี้ทั่วไป เช่น มีบัญชีเงินฝากที่ยังไม่ได้โอนเป็นของวัดก็น่าจะไม่ใช่น้อยๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นลักษณะการกระทำที่ใกล้เคียงกัน จะเลือกปฏิบัติกับพระรูปหนึ่งรูปใดเพียงผู้เดียวก็อาจจะไม่สมเหตุสมผล

ถึงตรงนี้หากมีการรื้อคดีจริง ในประเด็นเส้นทางการเงินเป็นหน้าที่ของ ปปง. หรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่ต้องเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องยาก


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ตัดกลับมาที่บรรยากาศระอุในโลกออนไลน์ บางเสียงไม่ได้โน้มเอียงไปทางไหน สมาชิกหมายเลข 2071786 ให้ทัศนะเกี่ยวกับธรรมะเอาไว้น่าฟัง

    พระพุทธองค์ผู้ทรงรู้จุติจิตของสัตว์ ได้ตรัสไว้ว่า...หว่านพืชเช่นไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น...ถึงในปัจจุบันก็ต้องได้รับผลอย่างนั้นผู้ปฏิบัติธรรมจะชอบใจทางไหน ถ้าชอบทางชั่วก็ให้สั่งสมเอาไว้ซึ่งบาป เพราะ “พระธรรม” เป็นของกลาง ทุจริตก็เรียกว่าธรรม...สุจริตก็เรียกว่าธรรมผู้ที่ปฏิบัติเอาความชั่วไว้เรียกว่า “มิจฉาปฏิบัติ” ผู้ที่ปฏิบัติเอาความดีไว้เรียกว่า “สัมมาปฏิบัติ”

หากว่าหลงพลาดพลั้ง พึงกลับใจใหม่ โบราณว่า...รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เดินหลงทางต้องกลับตัวใหม่ ถ้าใครร้อนจักนอนเย็น ถ้าใครเย็นจักดิ้นตาย ต้นคดปลายงอ เอาตัวรอดได้

“...ก็การกระทำอันชั่วช้าลามกเห็นปานนั้นเกิดจากอะไรเกิดจากกามคุณ กามคุณนี้แหละเป็นเหตุ...เพราะภพทั้ง 11 ภพนี้เรียกว่า กามภพ คือ...สัตว์ที่เกิดในภพทั้ง 11 ภพนี้ มีกามคุณทั้ง 5 เป็นที่ยินดีเป็นที่พอใจ”


 :32: :32: :32: :32:

ฉากสุดท้ายเป็นเรื่องใหญ่ ที่เป็นเรื่องของพลังมวลชนจะต้องกดดัน หันกลับมาใส่ใจ เผยแผ่ ปกป้องและรักษาธรรมวินัย ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเดินหน้าไปในทางที่ถูกที่ควร นำไปสู่ประเด็นสำคัญ ต้องแยก “พระ” ...แยก “โจรในคราบผ้าเหลือง” ออกจากกันให้ได้.



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/483169
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 26, 2015, 06:48:27 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: รื้อ.! คดีธัมมชโย แยกวินัย-กฎหมาย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2015, 10:53:04 am »
0
กฏหมาย ขโมย ของ จับได้ คืน ของ ยอมความไม่ได้นะครับ ถ้าเรื่องถึง โรงพักแล้ว

  วินัยสงฆ์ ฉ้อโกง ลักทรัพย์ จงใจ ด้วยรู้ว่า ต้องเป็นของตน ทำให้คนอื่นเข้าใจว่า เป็นของวัด นี่ก็เท่ากับ ปาราชิก แล้ว คืน หรือ ไม่คืน ก็มีผลเหมือนกัน นั่นแหละ การคืน ก็เป็นส่วนทีต้องคืน เพราะเป็นของวัด ไม่งั้นก็โดยกฏหมายเล่นงาน อีก เรื่อง ฉ้อโกง นะครับ

  :25: thk56
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 26, 2015, 06:49:18 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;