ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "พรหมเมธี" ย้ำมส.ไม่เคยชี้ "ธัมมชโย" ปาราชิก  (อ่าน 1101 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29367
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
"พรหมเมธี" ย้ำมส.ไม่เคยชี้ "ธัมมชโย" ปาราชิก
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2015, 09:30:48 pm »
0

"พรหมเมธี" ย้ำมส.ไม่เคยชี้ "ธัมมชโย" ปาราชิก

โฆษกมหาเถรฯแถลงย้ำประชุมมส.20 ก.พ.ไม่มีลงมติชี้ธัมมชโยปาราชิก แค่รับทราบรายงานผู้แทนสำนักพุทธฯไปชี้แจงกับคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาเท่านั้น ชี้เจ้าคณะผู้ปกครองได้วินิจฉัยถึงที่สุดไปแล้ว หากรื้อฟื้นใหม่ผิดพระธรรมวินัย ในขณะที่องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ขู่เคลื่อนไหวปกป้องมส.

วันนี้(27 ก.พ.)ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)ครั้งที่ 6/2557 โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ)ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน โดยพระพรหมเมธี กรรมการและโฆษกมส.กล่าวภายหลังการประชุมว่าการประชุมมส.ครั้งที่ 6/2558 ได้รับรองมติการประชุมมส.ครั้งที่ 5/2558เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยมติครั้งที่ 5มีรายละเอียดดังนี้มส.ได้รับทราบรายงานที่นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ในฐานะเลขาธิการมส.แจ้งต่อที่ประชุมว่าเมื่อวันที่17 ก.พ.58  นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)ได้มีหนังสือเชิญผอ.พศ.หรือผู้แทนพศ.เข้าร่วมประชุมชี้แจงและแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังต่อไปนี้
    1.กรณีพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องอาบัติปาราชิกและความคืบหน้าในการดำเนินการตามพระลิขิต และ
    2.ความคืบหน้าการจัดทำและการเสนอร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา


 :96: :96: :96: :96:

พระพรหมเมธี กล่าวต่อไปว่า  ผู้แทนพศ.ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีสาระสำคัญตามเอกสารที่เกี่ยวข้องสรุปได้ดังนี้ กรมการศาสนาได้นำพระลิขิตเสนอที่ประชุมมส.ครั้งที่15/2542 เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2542 และในการประชุมมส.ครั้งที่ 16/2542 เมื่อวันที่ 10พ.ค.2542 ที่ประชุมมส.มีมติสนองพระดำริให้ชอบด้วยกฏหมายพระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม ต่อมาในการประชุมครั้งที่17/2542 เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2542 ที่ประชุมมส.ได้รับทราบตามรายงานของอธิบดีกรมการศาสนาที่ว่าพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ยืนยันตามหนังสือของวัดลงวันที่ 9 พ.ค.2542 แสดงเจตนาที่จะมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่วัดพระธรรมกาย และรายงานต่อที่ประชุมมส.เพิ่มเติมว่าต่อมานายมาณพ พลไพรินทร์และนายสมพร เทพสิทธา ต่างได้มีหนังสือลงวันที่ 3 ต.ค. 2543 และลงวันที่5ต.ค.2543 ตามลำดับเป็นโจทย์ฟ้องเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่าล่วงละเมิดพระธรรมวินัยด้วยการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ลักทรัพย์ ฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชน

 :41: :41: :41: :41:

โฆษกมส.กล่าวอีกว่า การพิจารณาดำเนินการด้านพระธรรมวินัยในชั้นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีในฐานะผู้พิจารณาตามกฎมส.ฉบับที่ 11(พ.ศ.2521)ว่าด้วยการลงนิคหกรรม แต่เนื่องจากในขณะนั้นได้มีการแจ้งความในฝ่ายอาณาจักรให้ดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย การดำเนินการตามพระธรรมวินัยจึงต้องรอไว้ก่อนตามข้อ 15(1)แห่งกฎมส.ฉบับที่ 11 อย่างไรก็ตามคณะสงฆ์ได้มีคำสั่งพักเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจาการปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่8 ธ.ค.2542 ต่อมานายมาณพได้มีหนังสือวันที่ 15 พ.ค. 2549 ถอนฟ้องวัดพระธรรมกายในทุกกรณี

เมื่อศาลอาญาได้มีคำสั่งในวันที่ 22ส.ค.2549 พนักงานอัยการถอนฟ้องวัดพระธรรมกาย และจำหน่ายคดีออกจากระบบโดยอ้างเหตุว่าได้มีการมอบที่ดินทั้งหมดให้วัดแล้ว เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีในฐานะผู้พิจารณาได้ตรวจลักษณะของผู้กล่าวหาที่เหลือคือ นายสมพร เทพสิทธา และเห็นว่ามีความบกพร่องจึงมีคำสั่งไม่รับคำกล่าวหาของผู้กล่าวหา ทั้งนี้โดยความเห็นชอบของคณะผู้พิจารณาชั้นต้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2549 จากนั้นเจ้าคณะตำบลคลองสี่ได้มีคำสั่งให้ พระราชภาวนาวิสุทธิ์กลับมาดำรงตำแหน่งดังเดิมตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.2549 จึงเสนอที่ประชุมเพื่อโปรดทราบ


 :91: :91: :91: :91:

อย่างไรก็ตามหลังจากมีการแถลงมติ มส.เสร็จ  ผู้สื่อข่าวหลายสำนักได้ซักถามพระพรหมเมธีในหลากหลายประเด็นโดยผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปแล้วมส.วันนี้มีมติอะไรบ้าง พระพรหมเมธี กล่าวว่าได้มีการรับรองมติการตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อมูลและศึกษาสถานการณ์ทางพระพุทธศาสนา และรับรองรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 20ก.พ.58เท่านั้น ส่วนกรณีเกี่ยวกับพระธัมมชโยไม่ได้มีการพูดถึงในการประชุมมส.ครั้งนี้ เพราะ มส.จะพิจารณาเฉพาะเรื่องงานของมส.

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างสงฆ์อยากจะฝากประชาชนอย่างไร พระพรหมเมธี กล่าวว่า มุมมองของสังคมไทยเราคนหนึ่งอาจมองเป็นอย่างหนึ่งอีกคนหนึ่งอาจมองเป็นอย่างหนึ่งก็ต้องใช้วิจารณญาณดูว่าอะไรที่ถูกที่ควรเนื่องจากเรื่องศรัทธาของประชาชนที่มีความศรัทธาต่อพระสงฆ์นั้นแตกต่างกันไป เราคิดว่าใครเป็นลูกศิษย์ใครก็คิดว่าอาจารย์ของตัวเองนั้นทำดีและทำถูก อย่างไรก็ตามเราก็ต้องเอาองค์กรใหญ่คือมส.ได้ทำในสิ่งที่ถูกเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาทำให้พระพุทธศาสนานี้มั่นคงแข็งแรงโดยอาศัยพื้นฐานความศรัทธาของประชาชนอย่าให้กระทบต่อศรัทธาของประชาชน

 :03: :03: :03: :03:

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะมีการเชิญพระพุทธะอิสระมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้หรือไม่ พระพรหมเมธี กล่าวว่า เรามีเจ้าคณะปกครองตามลำดับเมื่อพระพุทธะอิสระขึ้นอยู่กับเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมที่จะดำเนินการและรายงานเรื่องนี้มาเป็นลำดับเช่น จากเจ้าคณะจังหวัด  มาเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กว่าจะมาถึงที่ประชุมมส.เป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่การพิจารณาของเจ้าคณะผู้ปกครองดังที่กล่าวมานี้ ในทางตรงกันข้ามเจ้าคณะผู้ปกครองที่ดูแลวัดพระธรรมกายก็ได้ทำหน้าที่นี้เช่นกันส่วนกรณีพระพุทธะอิสระแจ้งความโฆษก มส.โฆษกพศ.และพระพรหมโมลีว่าไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันและยังไม่เคยพบกับพระพุทธะอิสระเพราะว่าเขาอาจจะเห็นต่างไปเราไปบังคับเขาไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเรื่องเดียวแต่มีการมองคนละแบบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการรื้อฟื้นมติมส.เดิมหรือไม่ พระพรหมเมธี กล่าวว่า ในระเบียบเตือนในพระวินัยของพระสงฆ์ถ้าเรื่องใดที่เจ้าคณะตามลำดับพิจารณาแล้วและมีมติไปแล้วจะไปพิจารณาใหม่ทางพระวินัยกำหนดไว้เลยว่าอธิกรณ์ที่ได้พิจารณาแล้วไปรื้อฟื้นองค์คณะที่ไปรื้อฟื้นนั้นจะเป็นอาบัติ ดังนั้นเราต้องรับทราบตามรายงานส่วนจะไปแก้ไขอย่างไรต้องไปแก้ที่ต้นทางหมายถึงองค์คณะจังหวัดที่ปทุมธานี เช่น มีการตั้งเรื่องฟ้องใหม่หากไม่มีการฟ้องใหม่ก็ต้องยึดตามมติเดิม


 ans1 ans1 ans1 ans1

“อาตมาภาพอยากทำความเข้าใจกับผู้สื่อข่าวว่าอาตมาภาพก็มีหน้าที่แถลงเรื่องมส.ส่วนเรื่องวัดพระธรรมกายก็ต้องไปถามเจ้าคณะผู้ปกครองรวมถึงเรื่องพระลิขิตด้วยเมื่อองค์คณะสงฆ์ได้พิจารณายุติไปแล้วก็ต้องยึดตามนั้นส่วนจะมีการรื้อฟื้นเรื่องใหม่ก็ต้องว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง การร้องพระภิกษุก็ต้องมีโจทก์เป็นผู้ร้องหากมีการฟ้องเรื่องใหม่มาศาลท่านก็จะเป็นผู้พิจารณาเองส่วนเรื่องเก่าที่ตัดสินกันแล้วก็ต้องแล้วไปและอยู่ที่ว่าจะฟ้องในประเด็นไหน”พระพรหมเมธี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีพระพุทธะอิสระที่มีการเรียกร้องในขณะนี้ถือว่าเป็นโจทก์ได้หรือไม่ พระพรหมเมธี กล่าวว่า ยังไม่เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต้องร้องไปที่เจ้าคณะผู้ปกครองตามกฎนิคหกรรม เรามีทางเข้าทางออกเป็นไปตามลำดับ ดังนั้นสถานะของพระธัมมชโยก็ยังคงตามมติของ มส.เมื่อปี 2549

 ask1 ask1 ask1 ask1

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าแสดงว่า พระธัมมชโย ยังไม่ปาราชิกใช่หรือไม่ พระพรหมเมธีกล่าวว่า ไม่ทราบ และที่ประชุมมส.ไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าสำหรับแนวทางปฏิรูปซึ่งจะมีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของกรรมการมส.ด้วยเห็นว่าอย่างไร โฆษก มส.กล่าวว่า แล้วจะตรวจสอบเรื่องอะไรคือถ้าตรวจสอบของมส.และพระสงฆ์ทั่วไปก็เหมือนการตรวจสอบศรัทธาของประชาชน พระองค์นี้ก็มีลูกศิษย์มากพระองค์นี้มีลูกศิษย์น้อยอย่างหลวงพ่อบวชมาตั้งแต่อายุ12ปีจนมาถึงปัจจุบัน50กว่าปีก็มีลูกศิษย์มากมายลูกศิษย์เขาก็มีศรัทธาแต่ถ้าเราไปตรวจสอบทรัพย์สินของวัดสามารถตรวจสอบได้ แต่ตรวจสอบ มส.จะตรวจสอบเรื่องอะไร ส่วนจะเป็นการก้าวล่วงหรือไม่นั้น สังคมคิดว่าถ้าชาวบ้านมากล่าวล่วงกับพระสงฆ์อย่างหลวงพ่อที่มีลูกศิษย์ลูกหาที่เขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ยกตัวอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีเขาก็อาจจะเดือดร้อนว่ามารุกรานครูบาอาจารย์ของเขานี่เป็นเรื่องที่ยากที่จะมีการตรวจสอบ

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ส่วนเรื่องการปฏิรูปคณะสงฆ์ในส่วนของคณะสงฆ์มีความคิดเห็นอย่างไร พระพรหมเมธี กล่าวว่าคณะสงฆ์จะพิจารณาแต่เรื่องของศาสนจักร ส่วนบ้านเมืองก็เป็นเรื่องของอาณาจักรคือราชการบ้านเมืองเขาต้องทำอะไรที่นำไปสู่ความสงบเรียบร้อยทำไปทุกอย่างเพราะคิดว่าดีแล้วอาจจะมีใครหรือพระสงฆ์องค์ไหนที่มีความคิดเห็นแตกต่างออกไปแต่ขอย้ำว่า ในที่ประชุมมส.ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่าบางความคิดเห็นเสนอให้ยุบกรรมการมส. พระพรหมเมธี กล่าวว่า คณะกรรมการ มส.ตั้งโดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ดังนั้นจะต้องไปรื้อฟื้น พ.ร.บ.คณะสงฆ์2505เท่านั้น 

 st12 st12 st12 st12

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.)วิทยาเขตอุบลราชธานี ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ให้มีการดำเนินการกับคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนาและพุทธะอิสระ ความว่าด้วยคณะนิสิตมจร.วิทยาเขตอุบลราชธานีได้ติดตามข่าวการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)มีบุคคลที่เคยเป็นแกนนำกปปส.ในการล้มล้างรัฐบาลที่ผ่านมาเข้ามาจัดระเบียบคณะสงฆ์โดยที่มีการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวตลอดว่าจะดำเนินการตั้งองค์กรมากำกับดูแลมส.ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ได้แสดงออกถึงความเคารพและจริงใจในการที่จะปกป้องพระพุทธศาสนาและยังมีการคุกคามมส.โดยการนำคนไปบุกถึงวัดประธานมส.ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

ทางคณะจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ดำเนินการกับคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาชุดนี้และพุทธะอิสระดังนี้
    1.ให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาชุดนี้ภายใน 15 วัน
    2.ให้มีการดำเนินดคีกับพุทธะอิสระในข้อหาขัดขืนกฎอัยการศึก
    3.ให้หยุดคุกคามมส.และพระพุทธศาสนา

    ทางคณะ นิสิตมจร.วิทยาเขตอุบลราชธานีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศไทยจะมีการดำเนินการตามที่คณะได้เรียกร้องเพื่อเป็นการสืบทอดไว้ซึ่งสถาบันพระพุทธศาสนาอันเป็นที่พึ่งทางจิตใจของคนไทยมาช้านาน
    ขอเจริญพร

 st11 st11 st11 st11

ในวันเดียวกันองค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ให้ยุติการคุกคามพระพุทธศาสนาและมหาเถรสมาคมความตอนหนึ่งว่า ตามที่ได้ออกแถลงการณ์ถึงคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาซึ่งออกคำสั่งโดยสปช.ให้ยุติการข่มขู่คุกคามล่วงละเมิดต่อพระพุทธศาสนาและมส.อันอาจนำมาซึ่งความแตกแยก และไม่เป็นไปเพื่อความปรองดองของชาวพุทธทั้งปวงแต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวกลับแสดงท่าทีอันเป็นปฏิปักษ์ต่อมส.อย่างชัดเจน

มิได้ให้เกียรติต่อองค์กรปกครองสูงสุดซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความสามัคคีของสังฆมณฑลซ้ำยังแสดงการปรามาส ข่มขู่คุกคาม แม้จะมีแถลงการณ์เตือนสติให้พึงสังวรเยี่ยงวิญญูชนกลับประพฤติเป็นพาลชนสัญจรในโมหคติแสดงการอาฆาตมาดร้ายมิได้ยำเกรงต่อพระมหาเถระในหมู่สงฆ์ละเลยแนวทางแห่งบัณฑิตชนพึงปฏิบัติต่อพระสงฆ์ในพระศาสนา

คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ร่วมกันสร้างบาดแผลร้าวลึกลงในอาณาจักร บัดนี้กำลังก้าวล่วงเข้ามาสร้างบาดแผลและความแตกแยกร้าวลึกในศาสนจักรอันจะก่อผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนาเลี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้นดังนั้น องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ทุกภาคส่วน พร้อมเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสังฆมณฑลคุ้มครองพระพุทธศาสนารักษามส.คัดค้านการดำเนินการใดๆของคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาซึ่งมีนายไพบูลย์ นิติตะวันเป็นประธานมิให้ก้าวล่วงเข้ามาสร้างความร้าวฉานแก่สังฆมณฑลอย่างถึงที่สุด 


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/304202/_พรหมเมธี_ย้ำมส.ไม่เคยชี้+_ธัมมชโย_+ปาราชิก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 27, 2015, 09:35:02 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ