ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เทพเจ้าเดินดินอินเดีย 'ดร.อัมเบดการ์ - คานธี - แม่ชีเทเรซา'  (อ่าน 1043 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เทพเจ้าเดินดินแห่งอินเดีย 'ดร.อัมเบดการ์-มหาตมะ คานธี-แม่ชีเทเรซา'
เรื่องและภาพ สำราญ สมพงษ์

ในโอกาสที่ได้เดินทางไปแสวงบุญสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย ในฐานะนิสิตปริญญาโทสันติศึกษารุ่นที่ ๒  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ภายใต้การนำของพระมหาหรรษา ธัมมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดี มจร.ฝ่ายวิชาการ ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา พร้อมเพื่อนนิสิตรวม ๓๑ รูป/คน ภายใต้โครงการจาริกแสวงบุญแดนพุทธภูมิตามรอยสันติภาพ

ทั้งนี้เพื่อถอดบทเรียนค้นหารหัสไขพุทธสันติวิธีนำไปปรับใช้บริหารจัดการความขัดแย้งของสังคม โดยได้มีโอกาสเข้าศึกษาวิถีชีวิตของนักสันติภาพที่ประเทศอินเดียอีก ๓ คน  คีอ ๑.ดร.อัมเบดการ์ ๒.มหาตมะ คานธี และ ๓.แม่ชีเทเรซา ที่กรุงนิวเดลี
 
นิสิตปริญญาโทสันติศึกษาได้เข้าทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์ ดร.บี.อาร์. อัมเบดการ์ หรือ ดร.อัมเบดการ์ ได้ทราบว่าเป็นคนเกิดในวรรณะจัณฑาล ซึ่งเป็นวรรณะต่ำของคนอินเดียแต่ได้เปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา


 :96: :96: :96: :96:

ดร.อัมเบดการ์ มีชื่อเดิมว่า "บาบาสาเหบ ภิมเรา รามจิ อัมเบดการ์" (ภิม) นับถือศาสนาฮินดู แต่เห็นความไม่เท่าเทียมของคนอินเดียจึงพยายามพัฒนาตัวเองด้วยการศึกษาจบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากประเทศอังกฤษจนสามารถได้เป็นประธานรัฐสภาอินเดียเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญให้ชาวอินเดียใช้มานานพอๆ กับประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้โดยไม่ถูกฉีกเลย

ทั้งนี้ ดร.อัมเบดการ์ ได้ร่างตามแนวของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ ยุติธรรม เสรีภาพ เสมอภาพ และภารดรภาพ และเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเมื่อสมัยเป็นเด็ก ดร.อัมเบดการ์ เคยตั้งคำถามว่า "ทำไมมนุษย์ต้องมีความแตกต่างกัน ทำไมพระเจ้าเป็นผู้สร้าง ทำไมสร้างมาให้ไม่เท่าเทียมกัน"
 
 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ดร.อัมเบดการ์ เห็นความไม่เท่าเทียมของคนอินเดียที่ถูกครอบด้วยระบบวรรณะ บวกกับได้อ่านหนังสือพุทธจริต ศึกษาพระไตรปิฎกมากขึ้น จึงตัดสินใจนำชาวอินเดียวรรณะจัณฑาล ประกาศตนเป็นพุทธมามกะพร้อมปณิธาน ๒๒ ข้อ ค้านหลักการของฮินดูปฏิบัติตามมรรค ๘ ยึดมั่นในศีล ๕ ที่เมืองนาคปูร์ ความว่า
 
"ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน" มีคำกล่าวที่ถือเป็นประโยคเด็ดเช่น "หมดยุควรรณะไปแล้ว เราจะเป็นยุคช่วยเหลือกัน เป็นยุคกฎหมาย" หรือ "เราต้องฝากอะไรไว้กับโลก..ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็ไม่ต่างอะไรจากต้นไม้หรือก้อนหิน"


 :49: :49: :49: :49:

หลังจาก ดร.อัมเบดการ์ ทำพิธีปฏิญญาณตนเป็นชาวพุทธได้ ๓ เดือน ก็ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้ายในวันที่ ๖  ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๙  ส่งผลให้ปัจจุบันนี้มีชาวอินเดียนับถือพระพุทธศาสนามากกว่า ๒๐ ล้านคน

จากการที่ได้ดูภาพการเสียชีวิตของ ดร.อัมเบดการ์ มีการใช้คำว่า "ดร.อัมเบดการ์ ปรินิพพาน" พร้อมกันนี้ชาวพุทธที่เมืองนาคปูร์นอก กล่าวถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว ยังกล่าวว่า "ขอถึงภิมเป็นที่พึ่ง" ด้วย นั่นเท่ากับว่าชาวพุทธอินเดียให้การเคารพ ดร.อัมเบดการ์ อย่างสูงสุด


๒๒ คำปฏิญาณของ ดร.อัมเบดการ์

     ๑.ข้าพเจ้าจะไม่บูชาพระพรหม พระศิวะ พนะวิษณุต่อไป
     ๒.ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อพระราม พระกฤษณะ เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เคารพต่อไป
     ๓.ข้าพเจ้าจะไม่บูชาเทวดาทั้งหลายของศาสนาฮินดูต่อไป
     ๔.ข้าพเจ้าไม่เชื่อลัทธิอวตารต่อไป
     ๕.ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าคืออวตารของพระวิษณุเพราะการเชื่อเช่นนั้นคือคนบ้า
     ๖.ข้าพเจ้าจะไม่ทำพิธีสารทและบิณฑบาตแบบฮินดูต่อไป
     ๗.ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า
     ๘.ข้าพเจ้าจะไม่เชิญพราหมณ์มาทำพิธีทุกอย่างไป
     ๙.ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน
    ๑๐.ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน
    ๑๑.ข้าพเจ้าจะปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน
    ๑๒.ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ โดยครบถ้วน
    ๑๓.ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก
    ๑๔.ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น             
    ๑๕.ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม
    ๑๖.ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด
    ๑๗.ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา
    ๑๘.ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในทาน ศีล ภาวนา
    ๑๙.ข้าพเจ้าจะเลิกนับถือศาสนาฮินดูที่ทำให้สังคมเลวทรามโดยการแบ่งชั้นวรรณะ
    ๒๐.ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเท่านั้นที่เป็นศาสนาที่แท้จริง
    ๒๑.ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าหันมานับถือพระพุทธศาสนานั้นเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง
    ๒๒.ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด



ชีวิตหลายมิติที่พิพิธภัณฑ์ 'คานธี'

"มหาตมะ คานธี" เป็นบุคคลสำคัญที่นำพาชาวอินเดียประกาศเอกราชจากประเทศอังกฤษที่ครอบครองมากว่า ๑๐๐ ปี ตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม โดยจุดที่นิสิตปริญญาโทสันติศึกษาได้เข้าทัศนศึกษาคือที่เผาศพของ "มหาตมะ คานธี" และบ้านพักเดิมที่ถูกยิงเสียชีวิตในตัวเมืองนิวเดลี ที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์หลายมติเล่าวิถีชีวิตแนวคิดและการต่อสู้ด้วยอหิงสาและสัตยาเคราะห์จนประเทศอินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ

แม้นว่ามหาตมะ คานธี จะเป็นฮินดูแต่วิถีชีวิตและแนวความคิดต่างๆ ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอหิงสา ในพิพิธภัณฑ์จะมีภาพวาดและข้อความที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าอยู่หลายตอนทั้งที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์และด้านหลังที่เป็นภาพวาดบนฝาผนัง


 :25: :25: :25: :25:

ทั้งนี้ พระมหาหรรษา กล่าวสรุปว่า ประด็นสำคัญของการท่องแดนพุทธภูมิตามรอยสันติสุขตั้งแต่พุทธคยาค้นพบสันติภายในประกาศพระศาสนาที่เมืองพาราณสี และได้ตามรอยบุคคลสำคัญในอินเดีย เช่น มหาตมะ คาธี ดร.อัมเบดการ์ และแม่ชีเทเรซา แม่พระแห่งผู้ยากไร้ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เพื่อให้ได้ทราบว่าคนอินเดียมีหลายศาสนาแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไร

"สำหรับคานธีนั้นได้สร้างธรรมเจดีย์เอาไว้คิดถึงคานธีมาที่นี่ เหมือนเราคิดถึงพระพุทธเจ้าเราก็มาแดนพุทธภูมิ อหิงสาของคานธีคือไม่ไปด่าใคร แต่มีไว้จัดการกับกิเลสตนเอง ฉะนั้นคนที่ทำงานสันติภาพจงเป็นอยู่เพื่อวันนี้แต่ต้องเป็นไปเพื่อวันพรุ่งนี้ คานธีมีแนวความคิดสอดคล้องกับพระพุทธเจ้า คานธียกย่องพระพุทธเจ้า เรามาเห็นคานธีทำให้เรารักพระพุทธเจ้ามากขึ้น" พระมหาหรรษา กล่าว

 ask1 ans1 ask1 ans1 ask1 ans1


ศูนย์พักพิงคนยากของแม่ชีเทเรซา

การเข้าทัศนศึกษาศูนย์แม่ชีเทเรซา พระมหาหรรษา ได้กล่าวสรุปว่า สำหรับศูนย์แม่ชีเทเรซาเป็นศูนย์ที่รับใช้เพื่อนมนุษย์โดยตั้งอยู่บนความคิดที่ว่า พระเยชูเป็นคนยากจนทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า เด็กเหล่านี้ที่ถูกทิ้ง เด็กพวกนี้ล่ะจะทำอย่างไร แม่ชีจึงมีแนวความคิดที่จะไปช่วยคนยากจน โดยไม่รับเงินรัฐบาลอินเดียเลย แต่เปิดรับบริจาคจากทั่วสารทิศ  ศูนย์แห่งนี้มีทั้งเด็กถูกข่มขืน เด็กพิการกว่า ๑๐๐ ชีวิต เป็นที่ฟูมฟักกำลังกายกำลังใจ เพราะเด็กพิการเหล่านี้เป็นลูกของพระเจ้า ทั่วโลกเชิญแม่ชีไปรับรางวัลมากมาย แม้แม่ชีจะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ ๕ ปีก่อน แต่ยังมีคนสานต่ออุดมการณ์ของแม่ชีเทเรซา และมีศูนย์ลักษณะเดียวกันนี้ทั่วอินเดียกว่า ๓๐๐ ศูนย์

"ท่านอย่ามีแต่เมตตา แต่ท่านจงมีกรุณาด้วย พระพุทธเจ้ามีกรุณาธิคุณเดินทางไปหาคนที่มีความทุกข์ยากลำบาก นางอัมพิกาเป็นโสเภณีนิมนต์พระพุทธเจ้าไปฉัน กษัตริย์วัชชีต้องการจะนิมนต์พระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน แต่พระองค์ให้ไปขออนุญาตจากนางอัมพิกา พระองค์ได้ตรัสว่า เรารักราหุลฉันใด เราก็รักเทวทัตฉันนั้น นางปฏาจารามีความทุกข์ยากก็มาพึ่งพระพุทธเจ้า พระองค์ไม่เคยปฏิเสธใครเลยจะทุกข์ยากมาจากไหนก็ตาม" พระมหาหรรษา กล่าวเปรียบเทียบความรักของพระพุทธเจ้ากับแม่ชีเทเรซา

ทั้งนี้หลักสูตรกปริญญาโทสันติศึกษา มจร กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่ 3 หากสนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ps.mcu.ac.th หรือหมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑ ๔๕๗ ๖๒๒๖



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150414/204676.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ