ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ลาวสร้างพระแก้วมรกตจำลอง บูรณะหอฯ ยกช่อฟ้าสุวรรณฉัตร 17 ยอดทองแท้ แลอร่าม  (อ่าน 1566 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

การบูณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เริ่มมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2557 นำมาสู่การยกช่อฟ้าประกอบด้วยสุวรรณฉัตร 17 ยอด สูงที่สุด.. จำนวนยอดเท่ากับช่อฟ้าพระอุโบสถวัดเชียงทองราชวรวิหาร แห่งเมืองมรดกโลกหลวงวพระบาง พระอารามหลวงที่พระเจ้าไซเสดถาทิลาดมหาราชทรงจัดสร้างขึ้น เช่นเดียวกันกับวัดพระแก้วเวียงจันทน์ในอดีต นับเป็นการยกระดับอาคาร "พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว" แห่งนี้ ซึ่งได้กลายเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่จะต้องจารึกในประวัติศาสตร์ งานฟื้นฟูบูรณะยังมีอีกมากมายหลายรายการ รวมทั้งการจัดทำพระแก้วองค์จำลอง และ จัดสร้างแท่นประดิษฐานภายในหอแห่งนี้ด้วย แต่ทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.2558 เพื่อร่วมการเฉลิมฉลอง 2 งานใหญ่ของลาว. -- ภาพ: เฟซบุ๊ก/หุมเพ็ด มะนีสุก.
       
ลาวสร้างพระแก้วมรกตจำลอง บูรณะหอฯ ยกช่อฟ้าสุวรรณฉัตร 17 ยอดทองแท้แลอร่ามอวดฐานะพระอารามหลวง

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- พระแก้วมรกตไม่ได้ประดิษฐานอยู่ในนครเวียงจันทน์มาเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว .. นี่คือความจริงทางประวัติศาสตร์ ทางการลาวได้ตัดสินใจหล่อองค์จำลองขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายศตวรรษ เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแท่นประดิษฐานที่กำลังจัดสร้างขึ้นใหม่ เหมือนเมื่อครั้งโบราณกาล ภายในหอพิพิทธภัณฑ์ ที่การบูรณะปฏิสังขรณ์คืบหน้าไปไกลในขณะนี้ ทั้งหมดนี้อยู่ในโครงการอันเดียวกัน คือการปฏิสังขรณ์และฟื้นฟูอดีตพระอารามหลวงแห่งนี้ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 200 ปี และ เป็นครั้งที่ 3 ในช่วง 4 ศตวรรษ

       
       นี่คือเรื่องราวที่ชาวลาวออนไลน์ทั้งหลาย เผยแพร่กันผ่านเว็บสู่เว็บ จากบล็อกสู่บล็อกในช่วงข้ามเดือนมานี้
       
       พิธีเริ่มการบูรณะใหญ่หอพระแก้วเวียงจันทน์ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.2557 กระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรมทำพิธียกช่อฟ้าในวันที่ 2 พ.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ โดยมีทางการนครเวียงจันทน์เป็นเจ้าภาพ พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ เป็นประธานในพิธี มีบรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้แทนหลายหน่วยงาน ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
       
       ภาพที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นการยกช่อฟ้าและบุษบกหอพระแก้ว ที่นับจำนวนยอดสุวรรณฉัตร 17 ยอด ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในระบบความเชื่อทางพระพุทธและพราหมณ์ของลาว เท่ากับยอดช่อฟ้าพระอุโบสถวัดเชียงทองราชวรวิหาร แห่งเมืองมรดกโลกหลวงพระบาง พระอารามหลวงเก่าแก่ ที่พระเจ้าไซเสดถาทิลาดทรงจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2103 และ อยู่คู่อาณาจักรลาวหลวงพระบางมาหลายยุคสมัย

        :25: :25: :25: :25:

       ตามรายงานของสื่อทางการ การบูรณะใหญ่หอพระแก้วที่กำลังดำเนินอยู่ จะต้องใช้เงินทุนราว 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากราว 27 ล้านบาท จากการคิดคำนวณเมื่อปี 2556 งานรื้อถอนหลังคาและผนังเริ่มขึ้นในต้นเดือน ม.ค.ปีนี้ รวมทั้งการติดตั้งและเสริมความแข็งแรงของส่วนหลังคาใหม่ทั้งหมด จนกระทั่งนำมาสู่การยกช่อฟ้า ซึ่งในนั้นมีช่อใหญ่จำนวน 3 ช่อ หล่อขึ้นด้วยทองคำแท้
       
       หนังสือพิมพ์ "กองทัพประชาชน" ได้รายงานเรื่องนี้อย่างละเอียด ทั้งยังเปิดเผยด้วยว่า ทางการกำลังจะหล่อพระแก้วมรกตองค์จำลองขึ้นมา พร้อมสร้างแท่นประดิษฐานใหม่ เพื่ออัญเชิญองค์พระจำลองขึ้นประดิษฐาน อยู่ภายในหอพระแก้วที่กำลังบูรณะอยู่ในขณะนี้ เช่นในครั้งโบราณกาล ซึ่งเป็นเรื่่องที่ยังไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อน ตั้งแต่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อต้นปีที่แล้ว
       
       การ "ສ້າງແທ່ນປະດິດສະຖານພະແກ້ວມໍລະກົດຈຳລອງ" เป็นหนึ่งในกระบวนงานบูรณปฏิสังขรณ์หอพระแก้ว หน้างานใหญ่อื่นๆ ยังรวมทั้งงานแกะสลักไม้บานประตู หน้าต่าง งานรื้อและติดตั้งพื้นอาคาร และเก็บงานโดยรอบ งานซ่อมแซมลายปูนปั้นหน้าต่าง และ ผนังโดยรอบทั้ง 4 ด้าน งานซ่อมรอยแตกและรอยแยกตามเสาทั้งหมด และ ติดแผ่นทองคำเปลวประตูกลาง กับ สร้างประตูทางเข้าออกใหม่ทั้ง 4 ด้าน

        st12 st12 st12 st12

      ทั้งหมดนี้มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.2558 ให้ทัน 2 งานใหญ่ คือ ครบรอบ 40 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปตยประชาชนลาว และ ครบรอบ 450 ปีการก่อสร้างวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นพระอารามหลวงเมื่อก่อน และ เป็นพิพิธภัณฑ์หอพระแก้วในวันนี้
       
       จนถึงปัจจุบันการบูรณปฏิสังขรณ์ได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 1,000 ล้านกีบ (4,115,000 บาทเศษ) เงินไทยอีกกว่า 200,000 บาท กับอีกกว่า 15,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 495,000 บาท) และ ทองคำแก 3 กิโลกรัม สื่อของทางการล่าว
       
       ยังไม่ทราบรายละเอียดอื่นใดอีกเกี่ยวกับการจัดสร้างพระแก้วมรกตจำลองของฝ่ายลาว ขณะที่ในประเทศไทยได้มีการจัดสร้าง หรือหล่อพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรองค์จำลอง ออกกมาเป็นจำนวนมาก ตลอด 40-50 ปีมานี้ ทั้งโดยวัด หรือโดยองค์การต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเป็นศิริมงคลและเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งทำให้พระพุทธลักษณ์อันงดงามผิดแผกแตกต่างกันออกไป
       
       พระแก้วมรกตมีประวัติความเป็นมากอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปของตำนานหรือเรื่องเล่า ที่ย้อนกลับไปถึง ปี พ.ศ.500-700 ในประเทศอินเดีย ทั้งนี้เพื่อสร้างความศักดิ์สิทธิ์ แต่นักประวัติศาสตร์กับนักโบราณคดีในยุคใหม่พบว่า พุทธลักษณะของพระแก้วมรกต เป็นศิลปะในยุคก่อนเชียงแสน สลักขึ้นในดินแดนที่เป็นจังหวัดเชียงรายปัจจุบัน ซึ่งยังคงมีร่องรอยเกี่ยวกับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระองค์นี้ให้เห็นมากมายหลาย ในภาคเหนือของไทย ตราบเท่าทุกวันนี้

        st11 st11 st11 st11

       เมื่อปี พ.ศ.2011 พระเจ้าติกโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ ได้อัญเชิญประเจ้ามรกตไปจากนครลำปาง จนกระทั่งปี พ.ศ.2095 พระเจ้าไซเสดถาทิลาดแห่งหลวงพระบาง ทรงอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นศูย์กลางของอาณาจักรล้านช้าง แต่อีกเพียง 12 ปีต่อมาคือ พ.ศ.2107 เมื่อพระเจ้าบุเรงนองทรงยกทัพใหญ่ เข้าตีเมืองเหนือ ตั้งแต่เชียงใหม่ไปจนถึงหลวงพระบาง พระเจ้าไซเสดถาทรงย้ายเมืองหลวง ไปยังนครเวียงจันทน์ พระแก้วมรกตทรงประดิษฐานอยู่ที่นั่นเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปีต่อมา
       
       ในปี พ.ศ.2323 ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กองทัพราชอาณาจักรสยาม โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยกทัพไปตีกรุงเวียงจันทน์ และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเวียงจันทน์ พระุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ได้กลับคืนสูงดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง
       
       พระพุทธรูปที่มีความเป็นมายาวนานได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ใกล้กับวัดอรุณราชวราราม ทางฝั่งธนบุรีเป็นเวลา 5 ปี ตลอดรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ เริ่มยุคใหม่กรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย มาตั้งแต่บัดนั้่น


เจ้าหน้าที่ระดับสูงของลาวในชุดพราหมณ์ ระหว่างทำพิธียกช่อฟ้าในคราวเดียวกัน ช่อฟ้า 17 ยอด เป็นความเชื่อผสมผสานทางพุทธศาสนากับศาสนาพราหมณ์ ผู้เชี่ยวชาญของลาวกล่าว. -- ภาพ: เฟซบุ๊ก/หุมเพ็ด มะนีสุก.     

พระสงฆ์ประกอบพิธีทางศาสนาระหว่างการยกช่อฟ้า อาคารหอพิพิธภัณฑ์พระแก้ว ในคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ อีกครั้งหนึ่งที่เกี่ยวกับพระแก้วมรกต. -- ภาพ: เฟซบุ๊ก/หุมเพ็ด มะนีสุก.
       
บุษบกห้าชั้นหนึ่งในสองช่อที่เห็นอยู่นี้ ประกอบส่วนเข้าเป็นช่อฟ้าบนหลังคาอาคารหอพระแก้วเวียงจันทน์ ดูแวววาว.. เนื่องจากหล่อขึ้นด้วยทองคำล้วนๆ สื่อของทางการรายงาน. -- ภาพ: เฟซบุ๊ก/หุมเพ็ด มะนีสุก.
       
พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ ไปเป็นประธานมีพิธียกช่อฟ้าอาคารหอพระแก้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ อันเป็นวันมงคลตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนา แต่การบูรณปฏิสังขรณ์ยังจะต้องดำเนินต่อไปอีก ตลอดปีนี้ทั้งปี. -- ภาพ: หนังสือพิมพ์กองทัพประชาชน.
       
ภาพวันที่ 7 มี.ค.2550 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ กำลังเที่ยวชมภายในบริเวณวัดเชียงทอง ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2103 โดยพระเจ้าไซเสดถาทิลาดมหาราช พระอุโบสถของราชวรวิหารแห่งนี้ เป็นแห่งแรกที่ประดับหลังคาด้วยช่อฟ้า 15 ยอด รวมกับบุษบกอีก 2 เป็น 17 เป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา อาคารหอพระแก้วเวียงจันทน์ ที่อยู่ระหว่างการบูรณะปฏิสังขรณ์ ก็ประดับด้วยช่อฟ้า 17 ยอดเช่นกัน. -- ภาพโดยวุฒิพงษ์ หลักคำ-บุญญะสาร.
       
ภาพวันที่ 7 มี.ค.2550 นักท่องเที่ยวชาวไทยคนนี้ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เบื้องหลังเป็นพระอุโบสถวัดเชียงทองราชวรวิหาร เมืองหลวงพระบาง ภาพขยายขึ้นทำให้เห็นช่อฟ้าที่ประดับบนหลังคาพระอุโบสถเก่าแก่รวมทั้งหมด 17 ยอด. -- ภาพโดยวุฒิพงษ์ หลักคำ-บุญญะสาร.


        ask1 ans1 ask1 ans1


       ตามประวัติศาสตร์ของลาว "วัดพระแก้วเวียงจันทน์" ถูกกองทัพสยามเผาทำลายถึง 2 ครั้ง โดยกองทัพของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นั่นคือครั้งแรก
       
       ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ หลังจากพระเจ้าอนุวงได้เสด็จจากกรุงเทพฯ กลับไปครองกรุงเวียงจันทน์ ทรงใช้เวลาหลายปีฟื้นฟูบูรณะวัดพระแก้วขึ้นใหม่ จนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นับเป็นการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหญ่ครั้งแรก แต่ต่อมาก็ได้ถูกกองทัพสยามเผาทำลายอีก ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาเจษฎาราชเจ้า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ในสงครามปี พ.ศ.2371-2372 ที่นักประวัติศาสตร์ฝ่ายไทยเรียกว่า “สงครามปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์”
       
       การก่อสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งถือเป็นการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่ครั้งที่ 2 ดำเนินการโดยผู้ปกครองชาวฝรั่งเศส ระหว่างปี พ.ศ.2479-2485 ในยุคที่ลาวเป็นดินแดนอาณานิคม การบูรณะฯ ครั้งนี้่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเสด็จฯ เจ้าสุวันนะพูมา ที่ทรงสำเร็จการศึกษาสาขาวิศกรรมศาสตร์จากกรุงปารีส และ ในเวลาต่อมาทรงเป็นนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรลาวเป็นเวลาสั้นๆ หลังได้รับเอกราช


        :96: :96: :96: :96: :96:

       หลังจากนั้น วัดพระแก้วที่ไร้พระแก้วมรกต ได้ตกอยู่ในสภาพขาดการเอาใจใส่เป็นเวลาหลายสิบปี เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองภายใน และ ประเทศเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมือง จนกระทั่งมีการบูรณะอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.2536 โดยทางการลาวยุคใหม่ และทรุดโทรมลงตามกาลเวลา จนอบู่ในสภาพที่เห็นก่อนการฟื้นฟูบูรณะใหญ่ครั้งนี้
       
       การยกช่อฟ้าของพิพิธภัณห์หอพระแก้วที่ผ่านมา ที่ประกอบด้วยสุวรรณฉัตร 17 ยอด นับเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์
       
       ช่อฟ้าคือส่วนสูงที่สุดบนหลังคาพระอุโบสถ หรือ ศาลาโรงธรรมต่างๆ มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับตำนานและความเชื่อทางศาสนา แตกต่างกันออกไปในแต่ละแห่ง รวมทั้งทางสถาปัตยกรรมด้วย และในลาวก็มีสิ่งเหล่านี้เป็นของลาวเอง ซึ่งโดยปรกติทั่วไปจะพบเห็นยอดช่อฟ้าจำนวนมากที่สุดเพียง 7 ยอด อันเป็นสัญลักษณ์แห่งพระมหากษัตริย์ และ ทรงสร้างโดยกษัตริย์ หรือ "เจ้ามหาชีวิต" หรือ โดยสมเด็จพระราชินี ส่วนระดับชั้นวรรณะอื่นๆ จะสร้างได้ในจำนวนลดหลั่นลงไป ตั้งแต่ 1-5 ยอดเท่านั้น


        st12 st12 st12 st12

       กรณีพระอุโบสถวัดเชียงทอง จึงมีความเป็นพิเศษอย่างยิ่ง เพราะประกอบด้วยช่อฟ้า 15 ยอด กับบุษบกอีก 2 รวมเป็น 17 ผู้เชี่ยวชาญของลาวกลาวว่า เป็นความเชื่อสูงสุดที่ผสมผสานกับระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาพราหรมณ์ และ มีคำอธิบายเกี่ยวกับความเชื่อนี้อย่างมากมาย
       
       อย่างไรก็ตาม ความเชื่อทางศาสนาของชาวลาวนั้น การยกยอดช่อฟ้าทำให้การก่อสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ "ครบองค์ประกอบทางอาคารสำคัญของศาสนา" เพราะยอดช่อฟ้าหมายถึง ช่อที่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นสัญลักษณ์แห่งพระรัตนไตร และ ยังหมายถึงเทพ นางฟ้าและสรวงสวรรค์ ใช้ประดับได้เฉพาะกับพระราชวังหลวง พระอารามหลวง พระอุโบสถ วิหาน และ สิ่งปลูกสร้างทางศาสนาอีกไม่กี่ประเภท.

   
 ans1 ans1 ans1 ans1

       
ต่างยุคต่างสมัย     
ภาพเก่าๆ ทั้งหมดต่อไปนี้ รวบรวมจากเฟซบุ๊กของชาวลาว แสดงให้เห็นสภาพของ "หอพระแก้ว" ในนครเวียงจันทน์ ในช่วงกว่า 100 ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่ถูกทิ้งให้ชำรุดทรุดโทรม หลังจากถูกเผาทำลายครั้งที่ 2 โดยกองทัพราชอาณาจักรสยาม จนกระทั่งฝรั่งเศสได้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในช่วงปี พ.ศ.2479-2485 จนถึงรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรลาว ที่ประเทศเข้าสู่ช่วงสงครามกลางเมือง ก่อนจะมีการบูรณะย่อยอีกครั้งหนึ่งในช่วงที่เป็น สปป.ลาว การบูรณปฏิสังขรณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ เป็นเพียงครั้งที่ 3 ในรอบกว่า 200 ปี นับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอนุวงศ์.







 
ขอบคุณภาพและบทความจาก     
http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063821
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ