ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ตรวจฯ ชง‘บิ๊กตู่’ตั้ง กก. หาข้อสรุป ปาราชิก ‘ธัมมชโย’  (อ่าน 846 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ผู้ตรวจฯ ชง‘บิ๊กตู่’ตั้ง กก. หาข้อสรุป ปาราชิก ‘ธัมมชโย’

ผู้ตรวจการแผ่นดินลงความเห็น’ธัมมชโย’เบียดบังทรัพย์สินธรรมกาย ครบองค์ประกอบความผิดแล้ว แม้จะยอมคืน959ล้านในภายหลังก็ไม่พ้นผิด จึงต้องปาราชิกตามพระลิขิตพระสังฆราช ชงนายกรัฐมนตรีตั้งกรรมการสอบ ...

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการวินิจฉัย กรณีหลวงปู่พุทธะอิสระ และนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด รวมทั้งอดีตอธิบดีกรมการศาสนาที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ว่าไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่มีพระราชวินิจฉัยกรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกพนักงานสอบสวนกองปราบปราม แจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์แต่เบียดบังทรัพย์ไปเป็นของตนเองโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 


 :96: :96: :96: :96:

นายรักษเกชา กล่าวว่า พระลิขิตฉบับลงวันที่ 26 เม.ย. วันที่ 1 พ.ค. และวันที่ 10 พ.ค. 2542 ระบุว่า กรณีของพระธัมมชโยเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้ยักยอกเอาทรัพย์อันเป็น กรรมสิทธิ์ของวัดพระธรรมกายไปเป็นของตนเอง โดยนำเงินของวัดมาซื้อที่ดินหลายแปลง ต่อมาพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องพระธัมมชโยเป็นจำเลยต่อศาล จึงถือว่าพระธัมมชโย ย่อมไม่เป็นสมณะ ด้วยเหตุนี้พระธัมมชโยย่อมต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระลิขิต

นอกจากนี้ มหาเถรสมาคมมีหน้าที่สนองพระลิขิต แต่ปรากฏว่าในการประชุมครั้งที่ 16/2542 ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานตามพระลิขิตเพียงเรื่องเดียวคือติดตามรับมอบ และคืนที่ดินอันเป็นของวัดพระธรรมกายเท่านั้น ส่วนประเด็นพระวินิจฉัยของพระสังฆราชว่าพระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่ มิได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด

 :41: :41: :41: :41:

เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวด้วยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะทำความเห็นเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เพื่อตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่าย ศึกษาประเด็นทางพระวินัยที่ยังไม่ได้ข้อยุติ กรณีพระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ตามพระวินิจฉัยของพระสังฆราชฯ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป เมื่อได้ผลสรุปอย่างไรขอให้นำข้อสรุปบรรจุเข้าวาระการประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาลงมติสถานภาพของพระธัมมชโยต่อไป       

ส่วนกรณีนายพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด ซึ่งมีคำสั่งให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้องพระธัมมชโย ด้วยเหตุผลว่าต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติ เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะในเหล่าพระภิกษุ สามเณรและประชาชน และไม่เกิดประโยชน์แก่สาธารณะนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าหากเป็นไปตามข้อกล่าวอ้างของนายพชร นายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ อดีตอัยการสูงสุด คงไม่มีความเห็นให้สั่งฟ้องคดีมาตั้งแต่ต้น และมีการสืบพยานต่อเนื่องยาวนานเกือบ 7 ปี อีกทั้งในคดีนี้ นายพชร ขณะดำรงตำแหน่งรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง ประเทศได้ร่วมเป็นคณะทำงานพิจารณาสำรวจคดีของพระธัมมชโยและได้มีความเห็นให้ สั่งฟ้องพระธัมมชโยเป็นจำเลย โดยเทียบเคียงกับคดีสันติอโศก


 :25: :25: :25: :25:

อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจการแผ่นดินเคารพในหลักการที่อัยการ ต้องมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดี แต่การสั่งคดีต้องเป็นไปโดยเที่ยงธรรมสุจริต จึงทำความเห็นและข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ขอให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาการมีความสั่งถอนฟ้องของนายพชรว่ามีความผิดตาม มาตรา 157 จากการถอนฟ้องคดีที่ไม่อาจยอมความกันได้หรือไม่ เช่นเดียวกับอดีตอธิบดีกรมการศาสนา ซึ่งไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามพระลิขิตของพระสังฆราชฯ จึงขอให้หัวหน้า คสช.ตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาความผิดทั้งทางวินัยและอาญาด้วย

“การที่อดีตอัยการสูงสุดอ้างว่าพระธัมมชโยได้ยอมมอบทรัพย์สินเป็นที่ดิน และคืนเงินจำนวน 959,300,00 บาท ให้กับวัดพระธรรมกายถือเป็นการตามพระลิขิตของพระสังฆราชฯ ครบถ้วนทุกประการแล้วนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการกระทำของพระธัมมชโยครบองค์ประกอบความผิดฐานเบียดบังทรัพย์ของวัดไปเป็นของตนเอง แม้ภายหลังพระธัมมชโยจะนำทรัพย์ที่ยักยอกไปมาคืนให้แก่วัด ก็ถือเป็นเพียงการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด ไม่อาจทำให้การกระทำความผิดอาญาที่สำเร็จไปแล้วกลายเป็นไม่ผิดไปได้ อีกทั้งพระธัมมชโยใช้เวลานานเกือบ 7 ปี จึงยอมคืนทรัพย์สิน ไม่ได้คืนตั้งแต่มีพระวินิจฉัย” เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าว.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/512949
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ