ทำใจลำบาก.!! เมื่อพ่อสั่ง "ไม่ให้ยื้อชีวิตในวาระสุดท้าย"
ปุจฉา-วิสัชนากับ พระไพศาล วิสาโล
ปุจฉา : กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมมีคำถามอยากเรียนถามพระอาจารย์เรื่องหนึ่งครับ คือคุณพ่อของผมท่านป่วยเรื้อรังเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการค่อยๆ ทรุดลงๆ จนไม่สามารถเดินหรือขยับได้อย่างคนปกติ การหายใจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเกือบตลอดเวลา ท่านมีความทุกข์ทรมานทางกายและใจมาก ท่านสั่งอยู่เสมอว่าหากท่านมีอาการทรุดหนักแล้วต้องเข้าโรงพยาบาล ท่านขอไม่ให้ยื้อชีวิตท่านด้วยเครื่องช่วยใดๆ เพื่อให้ท่านไปสบายพ้นจากความทุกข์ทรมาน
หลายปีผ่านไป เวลานั้นก็มาถึงเมื่อร่างของท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการเกี่ยวกับการหายใจ ท่านหมดสติหยุดหายใจไป ๑๓ นาที แต่หมอก็พยายามยื้อด้วยการปั๊มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ท่านไม่รู้สึกตัวอีกเลยเป็นเวลาเกือบสัปดาห์หนึ่งแล้ว หมอบอกว่าการขาดออกซิเจนนานขนาดนั้นทำให้สมอง (และอวัยวะอื่น) เสียหาย แต่ไม่ทั้งหมด ยังให้ยายับยั้งความเสียหายแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และดูภายนอกร่างกายของคุณพ่อก็แย่ลงไปเรื่อยๆ การรักษาแบบนี้ค่าใช้จ่ายก็สูงมาก
แต่นั่นไม่สำคัญเท่าสิ่งที่คุณพ่อย้ำอยู่เสมอว่าท่านไม่ต้องการให้ยื้อชีวิต ทำให้ลูกและญาติๆ ทำใจลำบาก คือจะบอกให้หมอหยุดการให้ยายับยั้งก็รู้สึกผิดบาป แต่ก็สงสารคุณพ่อที่ต้องมาติดล็อกในสภาวะแบบนี้ หมอเองก็บอกว่าต้องให้ญาติเท่านั้นตัดสินใจ หมอไม่มีข้อแนะนำอะไร
ผมจึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าควรวางใจในเรื่องนี้อย่างไรดีครับเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเป็นตราบาปติดตัวไปและให้คุณพ่อท่านไปสู่สุคติภพด้วยความไม่ทุกข์ทรมาน ขอบพระคุณครับ

วิสัชนา : แม้คุณไม่สามารถสั่งให้หมอยุติการให้ยายับยั้ง แต่คุณยังสามารถทำอะไรได้มากกว่าการทำใจ นั่นคือดูแลช่วยเหลือจิตใจของท่าน
ถึงแม้ท่านมีสภาพเหมือนผัก ไม่สามารถพูดจาสื่อสารหรือตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ แต่อาตมาเชื่อว่าท่านยังสามารถรับรู้ เช่น ได้ยินเสียงที่อยู่รอบตัวได้ ดังนั้นคุณจึงควรพูดในสิ่งที่ทำให้ท่านสบายใจ เช่น พูดถึงประสบการณ์ที่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ด้วยกัน หรือพูดถึงสิ่งที่คุณประทับใจในตัวท่าน หยิบยกเรื่องที่ท่านภาคภูมิใจมาคุยให้ท่านฟังด้วยความชื่นชม
หากท่านสนใจธรรมะ ก็อ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟัง หรือพูดถึงบุญกุศลรวมทั้งความดีที่ท่านเคยทำ รวมทั้งพูดให้ท่านคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับครอบครัวหรือลูกหลาน
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ท่านสบายใจ เป็นไปได้ว่าตอนนี้ท่านอาจไม่ได้ทุกข์ทรมานหรือมีความเจ็บปวดทางกายอย่างที่คุณเข้าใจ หากดูแลจิตใจของท่านให้ดี ท่านก็จะไม่ทุกข์กับสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้และหากร่างกายของท่านมาถึงจุดสิ้นสุด ท่านก็จะไปด้วยใจสงบขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20151005/214508.html