ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ๑๐๒ ปี สมเด็จพระสังฆราช พระพุทธศาสนาไม่เกี่ยวข้องด้วยระบบการเมือง  (อ่าน 1168 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29309
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

๑๐๒ ปี สมเด็จพระสังฆราช พระพุทธศาสนาไม่เกี่ยวข้องด้วยระบบการเมือง
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยมนสิกุล โอวาทเภสัชช์ เรื่อง วัดบวรนิเวศวิหาร ภาพ

๑๕ ครั้ง ๒๐ ประเทศ ๗๔ เมือง คือจำนวนการไปปฏิบัติพระศาสนกิจในประเทศต่างๆ ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตลอดพระชนมชีพของพระองค์

ในหนังสือ ‘พระประวัติด้านการต่างประเทศ’ ของเจ้าพระคุณสมเด็จได้บันทึกการจาริกธรรมของพระองค์ไว้อย่างน่าศึกษาเรียนรู้ ในแง่มุมของพระธรรมทูตและการเผยแผ่ธรรมโดยไม่เกี่ยวข้องด้วยระบบการเมืองนั้น ได้นำมาซึ่งมิตรภาพและสันติสุขในความเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของเพื่อนร่วมโลกเพียงใด ซึ่งปรากฏอยู่ในความปีติของพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (พระดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ดังทีี่ท่านได้เล่าให้ฟังในแง่มุมของเส้นทางสายไหมแห่งธรรม กับความสัมพันธ์ไทย-จีนที่งดงามเป็นกรณีศึกษา

“การที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสัมฆราช เสด็จไปจีน เมื่อปี ๒๕๓๖ ก็มีที่มาที่ไปว่า เมื่อตอนต้นปีนั้นสหประชาชาติเชิญผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลทั้งหลายมาประชุมเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ จ.ปราจีนบุรี แล้วหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพคือ ท่านดาไลลามะ แล้วสหประชาชาติก็นิมนต์ท่านมาร่วมประชุมกับท่านอื่นๆ ที่ได้รับรางวัล เมื่อมาประเทศไทยก็มาพักที่วัดบวรนิเวศวิหาร

       
 st12 st12 st12 st12

"และก่อนหน้านั้นพระองค์เสด็จมาสองครั้งแล้วโดยได้เสด็จเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกในฐานะอาคันตุกะของพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ ...สำหรับการเยือนประเทศไทยครั้งที่ ๒ ของพระองค์ ในช่วง ๒๒ มกราคม–๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕  ได้ไปเยือนวัดบวรนิเวศวิหารอีกครั้งหนึ่งเพื่อถวายสักการะพระศพสมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ตำหนักเพ็ชร และมีการเสวนาธรรมกับเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระศาสนโสภณ)...

ต่อมาพระองค์ก็เสด็จมาประเทศไทยเป็นเวลาสั้นๆ เป็นครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ โดยทรงเป็นพระอาคันตุกะในเจ้าพระคุณสมเด็จ โดยตรง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในโอกาสที่ศูนย์พัฒนาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (International Centre for Human Rights and Democratic Development) ได้อาราธนาร่วมรณรงค์สนับสนุนการพัฒนาประชาธิปไตย สันติภาพ และการพิทักษ์รักษาสิทธิมนุษยชน ในภูมิภาคส่วนนี้ โดยเฉพาะในสหภาพเมียนมาร์ ในฐานะที่องค์ดาไลลามะ เป็นผู้หนึ่งในคณะที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ (Noble Peace Prize Laureates) การเสด็จในครั้งนั้นพระองค์ประทับแรมที่ศาลา ๑๕๐ ปี วัดบวรนิเวศวิหาร ๑  คืน
   
 :25: :25: :25: :25:
 
“การเสด็จมาประเทศไทยครั้งที่ ๓ ขององค์ดาไลลามะ รัฐบาลคุณชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนั้นก็บอกว่าไม่กล้าที่จะรับ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ประสานงานก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร จึงมากราบทูลเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ว่ามีปัญหาตรงนี้ ท่านเข้ามาไม่ได้เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชก็บอกว่างั้นให้องค์ดาไลลามะมาเป็นแขกส่วนตัวของท่านได้ไหมล่ะ ในฐานะที่ท่านรู้จักกันอยู่แล้ว ก็เลยว่าน่าจะดี เลยประสานกับรัฐบาลของท่านว่ามาเป็นแขกส่วนพระองค์ไม่เกี่ยวกับการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเป็นแขกส่วนพระองค์ก็เลยจัดศาลา ๑๕๐ ปี เป็นที่ประทับ ให้สมพระเกียรติของท่าน และการที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชออกตัวว่าเป็นแขกส่วนพระองค์ก็ทำให้องค์ดาไลลามะเสด็จมาได้   
   
"สำหรับการสนทนาขององค์ดาไลลามะกับเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชในคราวนั้นก็มีอยู่หลายเรื่อง ตอนที่คุยกันในพระอุโบสถ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเตรียมคาถาไว้ เป็นการถวายพระพรท่าน ส่วนองค์ดาไลลามะก็ต้องการสนทนากับเจ้าพระคุณสมเด็จในเรื่องปาติโมกข์ของวัชรยาน ในนิกายของท่าน กับเถรวาทเหมือนกันหรือไม่ ท่านก็อยากจะวิจัย อยากศึกษา..

     
 :49: :49: :49: :49:

“ในแง่การเมือง ตอนนั้นรัฐบาลจีนก็เริ่มคำราม ทางรัฐบาลไทยก็ชี้แจงไปว่าที่องค์ดาไลลามะเสด็จมาเมืองไทยและมาวัดบวร ไม่เกี่ยวกับการเมือง อย่างไรก็ตามเรื่องก็กระทบมาถึงเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชว่าเป็นพระแล้วทำไมไปทำเช่นนั้น เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชจึงพยายามชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องของการเมือง ท่านเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันอยู่แล้ว เจอกันมากี่ครั้งเมื่อเพื่อนจะมาหา ท่านจะทำอย่างไร การที่ท่านรับองค์ดาไลลามะ ไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นปฏิปักษ์กับจีน ไม่ใช่ว่าท่านไปเข้าข้างทิเบต ท่านไม่ได้สนับสนุนเรื่องทิเบต
     
“หลังจากนั้นทำให้ทางจีนก็อยากจะพิสูจน์ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จไม่ฝักฝ่ายจริงๆ รัฐบาลจีนก็เสนอว่าจะขอนิมนต์เจ้าพระคุณสมเด็จไปจีนได้ไหม สมเด็จพระสังฆราชกล่าวว่า ทำไมจะไม่ได้ ไม่มีปัญหา ท่านก็เลยรับในหลักการว่า ถ้ารัฐบาลจีนกราบทูลอาราธนาท่านก็จะเสด็จให้ จากนั้นไม่กี่เดือนสถานทูตของรัฐบาลจีนก็พยายามติดต่อมาในนามพุทธสมาคมจีน เจ้าพระคุณสมเด็จจึงได้โปรดให้กำหนดการเสด็จเยือนจีนขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐ มิถุนายน-๒กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖”


 ans1 ans1 ans1 ans1

ท่านอนิลมานกล่าวต่อมาว่า รัฐบาลไทยได้ตั้งงบประมาณถวายเจ้าพระคุณสมเด็จ ๓ ล้านบาท ซึ่งคุณชวนเป็นผู้มาถวายเป็นค่าใช้จ่ายในการเสด็จไปจีน ในนามของรัฐบาลไทย โดยเสด็จยังกรุงปักกิ่ง เมืองซีอาน เมืองคุนหมิง เมืองเชียงรุ่ง รวม ๔ เมือง ใน ๓ มณฑล คือ ปักกิ่ง ส่านซี และยูนนาน ซึ่งรัฐบาลจีนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

"เมื่อไปถึงประเทศจีน เจียง เจ๋อหมิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ถวายการต้อนรับสมเด็จพระญาณสังวรฯ ณ ทำเนียบรัฐบาลจีน จงหนานไห่ อย่างสมพระเกียรติ โดยจัดการต้อนรับที่ทำเนียบรัฐบาลจีนก็ถือว่าถวายพระเกียรติสูงมาก แล้วจัดที่ประทับให้เจ้าพระคุณสมเด็จเป็นเกรซเฮ้าส์ของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นที่ประทับของผู้นำประเทศเวลาไปเยือนประเทศจีน เรียกว่า การถวายพระเกียรติเท่ากับผู้นำสูงสุดระดับประเทศ
     
“เป็นเรื่องน่าคิดว่าประเทศจีนเอง ซึ่งไม่เคยต้อนรับผู้นำศาสนาประเทศไหนเลยในสมัยนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจีนราวกับประกาศว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับพระพุทธศาสนา”
   
 :96: :96: :96: :96:
 
หลังจากนั้นไทยกับจีนซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กันในด้านการเมือง การค้าและวัฒนธรรมมาแต่โบราณ เท่ากับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการพระศาสนาในจีนที่ว่างเว้นมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ และจากนั้นพระพุทธศาสนาก็เริ่มเบ่งบานในจีนอีกครั้งหนึ่งมาจนถึงทุกวันนี้
     
พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ ให้ข้อคิดความขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นที่ว่าท่านฝักฝ่ายทิเบตก็ลบหายไป หลังจากองค์ดาไลลามะเสด็จกลับอินเดียไปแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช โดย พระองค์ทรงตรัสว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชื่นชมพระอัจริยภาพสมเด็จพระสังฆราชมากๆ ที่หาทางออกให้ประเทศชาติด้วยดีไม่มีปัญหาทั้งสองฝ่าย”


      :25: :25: :25: :25:

     ดังที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชตรัสว่า
     “ความเมตตาที่แท้จริง ไม่มีขอบเขต คือไม่เลือกผู้รับ ไม่เลือกของเราของเขา ไม่เลือกชาติ ศาสนา และไม่เลือกมิตร ไม่เลือกศัตรู”

๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ คือ วันครบรอบ ๑๐๒ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหารจัดปฏิบัติธรรม ฟังธรรมตลอดทั้งเดือน จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมเจริญจิตภาวนา โดยมีพระวิปัสสนาจารย์มาสอนทุกวันเสาร์-อาทิตย์


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150927/214101.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เพราะปัจจุบัน พระสงฆ์มีการศึกษา ระดับ ป.ตรี ในระดับ หัววัด และ ป.โท ป.เอก ในระดับที่ มีฐานานุกรมเป็นส่วนใหญ่ วิชาทางโลก ไม่เหมือนวิชา ทางธรรม ทำให้พระสงฆ์มีแนวคิดเป็นทางโลก

   เราเคยไปสนทนากับพระสงฆ์ ท่านสนทนาไปมากลายเป็นเรื่องการเมือง ออกจากหัวข้อธรรม และสนทนาดุเดือด อย่างกับท่านเป็น ส.ส. เองเลย ส่วนหลักธรรมติดตามฟังหลายครั้ง ฟังแล้วก็รู้ว่า ปฏิบัติไม่ได้ นี่เป็นระดับเจ้าอาวาสนะคะ

   :s_hi: :49:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ