พิมพ์

[raponsan]

ชาวกาญจน์ทำบุญครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระสังฆราช

จังหวัดกาญจนบุรี จัดพิธีทำบุญตักบาตรบำเพ็ญพระกุศลครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้ (3 ต.ค. 58) นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ อาคารหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดเทวสังฆาราม ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงาน และประชาชน เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

นายศักดิ์ เปิดเผยว่า ตามที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ได้จัดงานบำเพ็ญพระกุศลครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในระหว่างวันที่ 3-25 ตุลาคม 2558 จังหวัดกาญจนบุรีจึงร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี และวัดเทวสังฆาราม จัดงานบำเพ็ญพระกุศลครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและถวายพระกุศลแด่ สมเด็จพระสังฆราช พร้อมทั้งเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีที่ทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติ ศาสนา สังคมและชาวจังหวัดกาญจนบุรี โดยได้มีพิธีสงฆ์และร่วมกันตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งถวายพระสงฆ์

นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นำข้าราชการ-พ่อค้า-ประชาชน
พิธีบำเพ็ญกุศลครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

นายศักดิ์กล่าวต่อว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) มีพระนามเดิมว่า เจริญ คชวัตร ประสูติเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2456 เป็นบุตรคนโตของ นายน้อย และ นางกิมน้อย คชวัตร ชาวกาญจนบุรี และทรงมีพระชาติภูมิเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี พระองค์ได้รับพระราชทานสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เป็นสมเด็จพระสังฆราช ที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีต และเป็น สมเด็จพระสังฆราช พระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.30 นาฬิกา ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประดิษฐานพระศพไว้ ณ พระตำหนักเพชร วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/529719