พิมพ์

[raponsan]

มติบอร์ดหนังห้ามฉาย"อาบัติ"

คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์มีมติ 4 ต่อ 2ห้ามฉายหนังเรื่อง"อาบัติ" ชี้ เนื้อหาภาพยนตร์บางตอนนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา ให้อุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน

วันนี้(12 ต.ค.) ที่สำนักตรวจพิจารณาภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ซึ่งมีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา ด้านเด็กเยาวชน และด้านจิตวิทยา รวม 6 คน ร่วมกันตรวจสอบเนื้อหาของภาพยนตร์ เรื่อง “อาบัติ”ของค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ทางสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) และภาคีเครือข่ายองค์กรพุทธได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ทบทวนการจัดฉายภาพยนตร์ เนื่องจากเห็นว่าเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ดูหมิ่นดูแคลน ไม่ให้ความเคารพต่อพระพุทธศาสนา และไม่ก่อให้เกิดคุณค่าใด ๆ ต่อสังคมไทย นอกจากความเกลียดชังและขัดแย้งของผู้คนในสังคม อาจมีเจตนามุ่งทำลายศรัทธาประชาชนที่มีต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งเป็นการสร้างภาพยนตร์จากจินตนาการที่รุกล้ำล่วงเกินต่อพุทธศาสนา

โดยใช้เวลาในการพิจารณาเกี่ยวกับเนื้อหาของภาพยนตร์นานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะผู้แทนด้านศาสนาร่วมพิจารณาเนื้อหาภาพยนตร์อาบัติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม มีมติ 4 ต่อ 2 ไม่ให้ฉายภาพยนตร์เรื่องอาบัติ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่ากระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร อย่างไรก็ตามในส่วนของพศ.ได้เสนอความคิดเห็นไปตามความเหมาะสมแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เสียงข้างมากมีมติ ว่า เนื้อหาของภาพยนตร์มีสาระสำคัญของเรื่องนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา มีเนื้อหาและภาพบางตอนแสดงพฤติกรรมทางลบของพระสงฆ์ในทางชู้สาว และ พฤติกรรมทางลบของพระสงฆ์ จึงมีลักษณะของการประจานความผิด ดูแคลน กดผู้อื่นให้ต่ำลง อันเป็นการแสดงถึงการขาดคาราวะต่อพระสงฆ์อันเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์ควรคำนึงถึงกาลเทศะ ความเหมาะสมและบริบทสังคมไทยด้วย การนำพฤติกรรมในทางชู้สาวของพระสงฆ์มาแสดงเผยแพร่เป็นจุดขายของภาพยนตร์สู่สาธารณชน ย่อมกระทบต่อความเสื่อมศรัทธาต่อพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์โดยไม่มีเหตุสมควร

โดยเฉพาะบุคคลทั่วไป ย่อมมีศรัทธา วุฒิภาวะ ปัญญา การใฝ่ใจในธรรมที่ไม่เสมอกัน อาจทำให้เกิดปัญญายิ่งขึ้น หรือเกลียดพระสงฆ์ได้มากขึ้น จึงกำหนดให้เป็นภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ.2552 และมาตรา26(7) แห่งพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าภายหลังการประชุมผู้แทนบริษัทสหมงคลฟิล์มที่มายื่นตรวจภาพยนตร์ได้รับทราบมติดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะส่งหนังสือแจ้งมติผลการพิจารณาดังกล่าวไปยังบริษัทฯภายในวันนี้(12ต.ค.)ใหัรับทราบด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ฯ สามารถเข้ายื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการฯ ได้ภายใน 15 วัน โดยยื่นหนังสือที่ได้ที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ จากนั้นคณะกรรมการฯจะนำมาพิจารณาตามขั้นตอนอีกครั้ง“

ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/353947