ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พึ่งตนพึ่งธรรม - "อนาคาริกา" กับ สิทธิของหญิงขอทาน  (อ่าน 2943 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29290
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




พึ่งตนพึ่งธรรม - "อนาคาริกา" กับ สิทธิของหญิงขอทาน

     ท่านผู้อ่านเห็นภาพหญิงขอทานกับลูกน้อยสองภาพนี้แล้วรู้สึกอย่างไร.? และคิดอะไรอยู่.?
     บางท่านอาจบอกว่าสงสารหญิงขอทานนี้จัง ทำไมสามีใจดำทิ้งเมียได้ลงคอ บางท่านอาจคิดว่าทำไมสถานภาพของหญิงไทยตกต่ำขนาดนี้ หญิงไทยถูกกระทำรุนแรงเหลือเกิน หรือบางท่านอาจคิดว่าถ้าสตรีสองท่านนี้ทำแท้งก็คงไม่ต้องมาประสบชะตากรรมดังกล่าว เพราะอย่างน้อยแม่จะได้ลำบากคนเดียว ลูกน้อยจะได้ไม่ต้องมาร่วมประสบชะตากรรมไปด้วย บางท่านอาจบอกว่าหญิงขอทานเหล่านี้ควรได้รับเงินสวัสดิการจากภาครัฐเพราะเธอกำลังได้รับความเดือดร้อน บางท่านอาจบอกว่าเห็นแต่ผู้หญิงออกมาอุ้มลูกขอทาน ไม่เคยเห็นผู้ชายออกมาอุ้มลูกขอทานบ้างเลย

ก็อาจจะคิดและรู้สึกกันไปได้ต่างๆ นานา แต่สำหรับผมแล้วกลับมองว่า หากหญิงไทยได้รับโอกาสให้บวช "ภิกษุณี" จากคณะสงฆ์อย่างเป็นทางการ มีวัดของภิกษุณีกระจายไปทั่วเมืองไทย ผู้หญิงที่อยู่จังหวัดไหนทั้งใกล้ไกลก็สามารถบวชภิกษุณีได้อย่างภาคภูมิใจ ได้รับการยอมรับสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพระภิกษุและฆราวาส ชะตากรรมของสตรีในภาพทั้งสองนี้อาจเปลี่ยนไป


 :96: :96: :96: :96: :96:

เพราะ “ก่อน” ที่เธอจะได้พบกับชายซึ่งอาจจะเป็นสามีหรือเป็นบุคคลที่มาล่วงละเมิดทางเพศเธอจนทำให้เธอตั้งท้อง “ก่อน” ที่เธอจะคลอดลูกออกมาขอทานริมถนน เธออาจมีโอกาสบวชเป็นภิกษุณี ณ ที่ใดที่หนึ่งจนเธอมีสติปัญญาสว่างไสวในธรรมบวชเป็นภิกษุณีตลอดชีวิต ซึ่งนั่นหมายความว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นภาพของสุภาพสตรีสองท่านต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เป็นได้

ผมกำลังอธิบายว่า "การบวชภิกษุณี" สามารถ "ตัดตอน" ชะตาชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งมิให้พานพบกับการมีครอบครัว ตัดตอนการพบกับสามีเห็นแก่ตัว ตัดตอนการเป็นเมียที่ต้องถูกสามีทุบตีเช้าเย็น ตัดตอนการตั้งท้องแล้วถูกทิ้ง และในที่สุดก็สามารถ "ตัดตอน" มิให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องประสบชะตากรรมร้ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหญิงภาคอีสานจำนวนมากที่ถูกพ่อแม่จับส่งไปขายบริการทางเพศ เนื่องจากถูกความยากจนเข้าคุกคาม การบวชเป็นภิกษุณีจะช่วยเด็กหญิงเหล่านั้นให้รอดชีวิตได้มากมายมหาศาลทีเดียว เห็นได้จากการที่เด็กชายฐานะยากจนอาศัยการบวชเณรเป็นบันไดปูทางไปสู่การศึกษาเป็นตัวอย่าง





การที่ประเทศชาติของเรามีคนยากจนออกมาร่อนเร่พเนจรขอทานเพราะขาดปัจจัยสี่ เป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติพัฒนาได้ช้า หากประชาชนอยู่ดีมีปัจจัยพร้อม ประเทศชาติก็พัฒนาได้ไว  "สถานะของประชาชนไม่ตกต่ำฉันใด สถานะของประเทศชาติก็ไม่ตกต่ำฉันนั้น"

บางคนอาจแย้งว่าเรามีการ "บวชชี" แล้วไง แต่ผมอยากบอกว่า การบวชชีก็ต้องอาศัยปัจจัยตัวเองในการอยู่รอด พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหากผู้หญิงคนหนึ่งคิดจะบวชชีก็ต้องมีเงินเก็บ ไม่มีใครเอาเงินไปทำบุญถวายแม่ชีเหมือนกับพระภิกษุ อาหารก็ต้องทำฉันเองไม่ได้ออกรับบิณฑบาตอาหารฟรีเหมือนพระภิกษุ ผ้าขาวก็ต้องซื้อเอง เจ็บป่วยยารักษาโรคก็ต้องจ่ายเอง มีที่อยู่เท่านั้นที่อยู่ฟรี (และโปรดสังเกตว่าที่อยู่ของแม่ชีในวัดจำนวนมากมักตั้งอยู่ในทำเลที่ขาดสุขอนามัย (เช่นตั้งอยู่ใกล้เมรุเผาศพ) กุฏิแม่ชีก็ไม่ได้ดูน่าอยู่เท่ากับของภิกษุ) ในเมื่อสถานะของแม่ชีไม่ได้รับการสนับสนุนเช่นนี้ผู้หญิงที่ไหนจะมาบวช


 :49: :49: :49: :49:

ทุกวันนี้สมภารเจ้าวัดหลายวัดกำลังทำการ "คุมกำเนิดแม่ชี" เพื่อลดจำนวนแม่ชีลง คงเพราะท่านรู้สึกเป็นภาระยุ่งยากกับการบริหารวัด บางวัดที่เคยมีแม่ชีบัดนี้ก็สูญสิ้นแม่ชีไปแล้ว ประกอบกับสังคมบริโภคนิยมทำให้ผู้คนไม่คิดที่จะใช้ชีวิตสันโดษเรียบง่าย โอกาสที่ผู้หญิงคิดบวชชีก็น้อยตามไปด้วย เนื่องจากสถานะการบวชชีไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยปัจจัยสี่จากชาวพุทธเหมือนกับสถานะของพระภิกษุ

ทุกครั้งที่ผมเห็นภาพหญิงขอทานพร้อมด้วยลูกน้อยบนทางเท้าหรือบนสะพานลอยก็ได้แต่สลดใจ อยากทำบุญกับเธอด้วยเงิน ๑ ร้อยบาท แต่เงิน ๑ ร้อยบาทของผมก็คงช่วยให้เธอรอดพ้นจากความหิวโหยได้ไม่กี่มื้อ และยังคงมีหญิงขอทานอีกจำนวนมากเกินกว่าที่เงินในกระเป๋าสตางค์ของผมจะช่วยเหลือพวกเธอได้
     ผมคิดว่าคนไทยในสังคมไทยสามารถช่วยเหลือหญิงขอทานได้มากกว่าการให้เงิน โดยการหันมาช่วยกันปรับเปลี่ยนโครงสร้างสังคม สวัสดิการ สิทธิ์ในบางเรื่อง ให้เกิดการเกื้อกูลกับเธอก็จะช่วยให้เธอไม่ต้องออกมาร่อนเร่ขอทานเช่นนี้
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมมติว่าที่ผ่านมา การบวชภิกษุณีได้รับการยอมรับจากสังคมก็จะสามารถช่วยเหลือผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ได้มาก และคงไม่ได้ช่วยเธอแค่อาหารมื้อเดียว แต่สามารถช่วยด้วยอาหารถึงสองมื้อ คือ อาหารทางร่างกายกับอาหารทางจิตวิญญาณ แต่เวลานี้หญิงขอทานกำลังขาดอาหารทั้งสองประเภท





ความจริงหญิงขอทานเหล่านี้ก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องสิทธิ์การบวชภิกษุณี เธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีสิทธิ์บวชภิกษุณี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิทธิ์การบวชภิกษุณีของเธอได้ถูกขโมยไป ในที่สุดชีวิตของเธอก็ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้

ทุกวันนี้ในหมู่นักปฏิบัติธรรมชาวไทยจำนวนไม่น้อยต่างพากันมองว่า "สิทธิมนุษยชน" เป็นวัฒนธรรมตะวันตกที่ก้าวร้าว ดูไม่เรียบร้อย และก็เป็น "อริ" กับ "การละตัวตน" อันเป็นจุดหมายปลายทางของพุทธศาสนา แต่ถามว่าถ้า "พระแม่น้านางมหาปชาบดี" ไม่ชักชวนบรรดาสตรีในศากยสกุลออกบวช พวกเธอเหล่านั้นจะได้บรรลุอรหันตผลกันหรือไม่ เพราะในที่สุดสิทธิ์ที่ได้มาก็นำไปสู่การละอัตตาตัวตนในที่สุด และยังผลให้สตรีอินเดียหลายคนบรรลุธรรมตามกันมาอีกหลายท่าน

หากไม่มีสิทธิ์ในวันนั้นก็คงไม่มีการบรรลุธรรมในหมู่ผู้หญิงในเวลาต่อมา แต่ก็น่าเสียดายเพราะในที่สุดสิทธิ์ดังกล่าวก็ถูกริดรอนทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ที่พระพุทธองค์ประทานให้แก่ผู้หญิงทุกคน


     "หนึ่งลมหายใจ"


หมายเหตุ : อนาคาริก แปลว่า ผู้ไม่อยู่ครองเรือน บรรพชิต นักบวชทั่วไปที่เป็นผู้ชาย ส่วนอนาคาริกา คือ ผู้สละเรือนออกบวชที่เป็นผู้หญิง

ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.komchadluek.net/detail/20110312/91265/พึ่งตนพึ่งธรรมอนาคาริกากับสิทธิของหญิงขอทาน.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


มีพระสูตร ตอนหนึ่งกล่าวว่า หากพระสงฆ์ ที่หมดสายไปแล้ว มีคนผู้หนึ่งนำผ้า กาสาวพัตร มานุ่งห่ม แล้วยกตนเป็นพระภิกษุ แล้วสืบต่อเป็นหมู่ คณะ เป็นพระสงฆ์ที่ไม่ได้ยกฐานะอันสืบจากพระพุทธเจ้า กล่าว่า เรียกวา อนาคาริก ไม่ได้เรียกว่า ภิกษุ เพราะไม่ได้สืบธรรมจาก พระวาจาของพระพุทธเจ้า

    คนเหล่านี้ ชื่อว่า โมฆะบุคคล ไม่มีฐานะ ดั่ง เนื้อนาบุญ

   ฉันใดก็ฉันนั้น หากวงศ์แห่งภิกษุณี สิ้นไปแล้ว การนำผ้ากาสาวพัตร มานุ่งห่ม และ อุปโลกน์ ตนเองและหมู่คณะเว่าเป็นเนื้อนาบุญ ก็ชื่อ โมฆะสตรี เช่นกัน เหมือนคนปลอมบวช นั่นแหละ ไม่ต่างกัน มันจะได้บุญตรงไหน มีแต่จะสร้างบาปให้แก่ตนเอง ใหมีชาติภพ เพิ่มขึ้น ไปอีก


    :49:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ