ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "สุสานวัดพนัญเชิง" พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร.?  (อ่าน 1142 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


"สุสานวัดพนัญเชิง" พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร.?
เรื่อง...ขุนอิ /ภาพ..เฟซบุ๊กคัดค้านรื้อสุสานวัดพนัญเชิง

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ใครที่แวะไปไหว้พระที่วัดพนัญเชิงวรมหาวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา คงงุนงงสงสัยกับป้ายประกาศขนาดมหึมาของทางวัดและป้ายประท้วงของทางมูลนิธิวัดพนัญเชิงเกี่ยวกับเรื่องสุสานสาธารณะ หรือฮวงซุ้ย คำถามที่เกิดขึ้นคือ พวกเขาทะเลาะอะไรกัน?

วันนี้จะมาเท้าความให้ฟังถึงความขัดแย้งที่วัดพนัญเชิง อันมีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ดินของวัด

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 วัดพนัญเชิงมีโครงการปรับสภาพภูมิทัศน์ พร้อมประกาศจะใช้พื้นที่บริเวณที่ฝังศพในสุสานสาธารณะในการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม อาคารอาพาธสงฆ์ และสถานที่จอดรถแห่งใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่จะเดินทางเข้ามาหลังเปิดประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้าโดยมีหนังสือแจ้งไปยังมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ๊ง) ผู้ดูแลสุสานสาธารณะให้ย้ายหลุมศพกว่า 1,667 หลุม ออกจากที่ดินภายในวันที่ 1 ส.ค. 2557


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

เท่านั้นล่ะ เลยกลายเป็นเรื่อง วินัย อัศวราชันย์ ประธานมูลนิธิวัดพนัญเชิงวรวิหาร ได้ออกมาคัดค้านการย้ายหลุมศพ โดยให้เหตุผลว่าการย้ายหลุมศพที่ฝังบรรพบุรุษจะกระทบกระเทือนจิตใจของลูกหลาน ขณะเดียวกันลูกหลานของบรรพบุรุษจำนวนมากออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และยืนกรานไม่ยอมให้ขุดอย่างเด็ดขาด โดยบอกว่าไม่เป็นธรรม เพราะจ่ายเงินบริจาคบำรุงสุสานให้กับมูลนิธิไปแล้ว ราคาหลุมละกว่า 1 แสนบาท

ถึงบรรทัดนี้ ขอย้อนประวัติที่ดินสุสานของวัดพนัญเชิงกันสักนิดนึง เดิมทีที่ดินผืนดังกล่าวเคยเป็นที่ดินรกร้างของวัดขอมซึ่งมีสถานะเป็นวัดร้าง ก่อนจะมีการยกที่ดินผืนนี้ให้วัดพนัญเชิง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2495 โดยกำหนดวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นสุสานสาธารณกุศล


 :96: :96: :96: :96: :96:

ปี 2501 ทางวัดได้จัดตั้งมูลนิธิวัดพนัญเชิงขึ้นมาบริหารจัดการสุสาน โดยมีไวยาวัจกรของวัดเป็นประธานมูลนิธิ และมีเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงเป็นที่ปรึกษา แต่ต่อมาพระโบราณคณิสสร เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงขณะนั้นมรณภาพลง มีการเลือกคณะกรรมการมูลนิธิชุดใหม่ กลับกลายเป็นว่าไม่มีผู้แทนจากวัดร่วมเป็นกรรมการด้วยอีกเลยจนถึงปัจจุบัน กระทั่งมูลนิธิเริ่มมีการเรียกเก็บค่าเงินบริจาคบำรุงสุสานโดยที่ทางวัดไม่มีส่วนรู้เห็น

พระเทพรัตนากร (นพปฏล กตสาโร) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก เนื่องจากทุกอย่างเป็นของวัดทั้งหมดทั้งชื่อมูลนิธิ สถานที่ตั้ง ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ แต่เหตุใดกลับไม่มีกรรมการที่เป็นคนของวัดเลยสักคนแล้วแบบนี้จะเป็นมูลนิธิวัดพนัญเชิงได้อย่างไร ทั้งหมดจึงนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2557 คดีหมายเลขดำที่ 985/2557 ระหว่างวัดพนัญเชิงวรวิหาร (โจทย์) กับมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ๊ง) (จำเลย)


 ans1 ans1 ans1 ans1

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ศาลชั้นต้น) ได้มีคำพิพากษาให้ทั้งสอง คือ
    1.ให้จำเลยออกจากที่ดินพิพาท ให้รื้อถอนอาคารสำนักงานของจำเลย บ้านพักคนงาน และคนงานออกไปจากที่ดินพิพาท และห้ามจำเลยไม่ให้รบกวนสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์
    2. ศาลาบำเพ็ญกุศล สร้างก่อนจัดตั้งมูลนิธิจึงไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของจำเลย ไม่ต้องรื้อ
    3. ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 400 บาทจนกว่าจะรื้อสำนักงานของจำเลยและบ้านพักคนงานออกไปจากที่ดินโจทก์
    4. ฮวงซุ้ยและศพ เป็นของทายาทลูกหลาน ซึ่งเข้าฝังศพโดยเปิดเผยสุจริตตามเจตนาให้ทำสุสานสาธารณะของโจทก์ ไม่ต้องรื้อถอนออกจากที่ดินพิพาท และ
    5. ห้ามโจทก์ดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ขัดกับวัตถุประสงค์ของสุสานสาธารณกุศล


อย่างไรก็ดี คำพิพากษาของศาลชั้นต้นยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายอาจใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายของตนได้ภายใน 30 วัน คงต้องติดตามรอดู


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.posttoday.com/local/scoop/395837
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ