ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้คนสักการะ พระอัฐิล้นวัด  (อ่าน 809 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29345
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ผู้คนสักการะ พระอัฐิล้นวัด
« เมื่อ: ธันวาคม 19, 2015, 08:19:41 pm »
0


ผู้คนสักการะ พระอัฐิล้นวัด

พุทธศานิกชนหลั่งไหลเข้าสักการะพระอัฐิ “สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” ล้นวัดบวรฯ ต่อแถวยาวเกือบถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทางวัดเปิดให้สักการะครั้งสุดท้ายแค่ช่วงครึ่งวันเช้าวันที่ 19 ธ.ค. หลังเสร็จพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิแล้ว จะอัญเชิญพระอัฐิไปประดิษฐานยังตำหนักเดิม ด้าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เปิดขั้นตอน-รายชื่อ สมเด็จพระราชาคณะ ที่มีโอกาสได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20” แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาส และมีการอัญเชิญพระอัฐิกลับมาประดิษฐานยังตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีการเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าสักการะตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น


 :25: :25: :25: :25:

สำหรับบรรยากาศในการเข้าสักการะพระอัฐิ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ที่ตำหนักเพ็ชร เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพุทธศาสนิกชนมารอต่อคิวตั้งแต่เช้ามืด โดยทางวัดบวรฯ เปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าสักการะพระอัฐิ ได้ตั้งแต่เวลา 08.30-10.00 น.จากนั้นมีพิธีบำเพ็ญกุศลพระอัฐิ โดยคณะสงฆ์จากประเทศอินโดนีเซีย และกลับมาเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนเข้าสักการะพระอัฐิอีกครั้งในเวลา 12.00 น. เป็นต้นไป กระทั่งเวลา 13.30 น. ปรากฏว่าพุทธศาสนิกชนยังคงหลั่งไหลเดินทางเข้ามาสักการะพระอัฐิสมเด็จพระญาณสังวรฯ อย่างต่อเนื่องจนต่อแถวยาวเต็มบริเวณวัด และยาวออกไปภายนอกวัดตามถนนพระสุเมรุ ถนนดินสอ จนเกือบถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งนี้ ทางวัดจะเปิดให้เข้าสักการะพระอัฐิจนถึงเวลา 18.00 น. และวันที่ 19 ธ.ค.จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนสักการะพระอัฐิอีกครั้งในช่วงเวลา 08.00-12.00 น. ก่อนที่จะมีพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิต่อไป

 st12 st12 st12 st12

ขณะที่บริเวณข้างพระอุโบสถ วัดบวรฯซึ่งทางวัดใช้เป็นสถานที่ให้พุทธศาสนิกชนมาหาเช่าบูชาสิ่งมงคลสักการะเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระญาณสังวรฯ อันมีทั้งเหรียญพระรูปเหมือน พระรูปเหมือนองค์ลอย เหรียญ 100 ปี ญสส ปรากฏว่ามีพุทธศาสนิกชนมาหาเช่าบูชาวัตถุมงคลอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งวันเช่นกัน

ด้านพระสุทธิสารเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ กล่าวว่า ครึ่งวันเช้าของวันที่ 19 ธ.ค.จะเป็นช่วงสุดท้ายที่จะเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะพระอัฐิ เพราะหลังจากเสร็จสิ้นพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิแล้ว จะมีการอัญเชิญพระอัฐิไปประดิษฐานยังตำหนักเดิม และจะมีการอัญเชิญออกมาเนื่องในวันสำคัญของทางวัดเท่านั้น

 st11 st11 st11 st11

ขณะที่พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ กล่าวว่า ทางวัดบวรฯเตรียมสถานที่ประดิษฐานพระเจดีย์พระอัฐิ ในตำหนักเดิมเรียบร้อยแล้ว สำหรับที่ประดิษฐานพระอัฐิที่ตำหนักเดิมนั้น มีด้วยกัน 3 ถ้ำบรรจุ โดยถ้ำบรรจุตรงกลาง เป็นที่ประดิษฐาน พระอัฐิ สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ถ้ำด้านซ้ายมือ เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ กับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ส่วนถ้ำด้านขวา เป็นที่ประดิษฐานอัฐิของพระพรหมมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรฯรูปที่ 5 ส่วนพระสรีราง–คารที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานยังวิหารเก๋งหลังเสร็จพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลพระอัฐินั้น พุทธศาสนิกชนสามารถสักการะได้บริเวณโดยรอบวิหารเก๋งทุกวัน

พระโสภณคณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ กล่าวว่า สำหรับสิ่งมงคลสักการะเหรียญพระรูปเหมือนที่ทางวัดร่วมกับสำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ จัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นสิ่งมงคลสักการะครั้งสุดท้ายต่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกนั้น พุทธศาสนิกชนยังคงสามารถหาเช่าบูชาได้ที่สำนักงานโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดบวรฯ และที่สำนักงานธนารักษ์จังหวัดทั่วประเทศ

 :96: :96: :96: :96:

เผยคิวอาวุโส ระดับ-สมเด็จ พระราชาคณะ

ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแล้ว ส่งผลให้ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง โดยขั้นตอนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไข พ.ศ.2535 ในหมวด 1 มาตรา 7 ระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นของมหาเถรสมาคม เสนอรายนามสมเด็จพระราชาคณะที่อาวุโสสูงสุดทางสมณศักดิ์ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยสมเด็จพระราชาคณะในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 8 รูป แบ่งเป็นฝ่ายมหานิกาย 4 รูป ธรรมยุต 4 รูป โดยสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ เรียงตามลำดับดังนี้

อันดับ 1 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจริญ (มหานิกาย) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ปี 2538 อันดับ 2 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม (ธรรมยุต) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ปี 2544 อันดับ 3 สมเด็จ พระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม (ธรรมยุต) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ปี 2552 อันดับ 4 สมเด็จ พระวันรัต (จุนท์ พฺรหมฺคุตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร (ธรรมยุต) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะปี 2552 แต่อาวุโสน้อยกว่าสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ อันดับ 5 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภทฺทจารี) วัดสุทัศนเทพวราราม (มหานิกาย) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ปี 2553 อันดับ 6 สมเด็จ พระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาส (ธรรมยุต) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะปี 2553 แต่อาวุโสน้อยกว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ อันดับ 7 สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการาม (มหานิกาย) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ปี 2554 และอันดับ 8 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยาราม (มหานิกาย) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ปี 2557 ทั้งนี้ มหาเถรสมาคม (มส.) จะต้องมีการประชุมเพื่อเสนอรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป

ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/551165
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ