ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำอย่างไร.? ชีวิตจะเป็นมงคล  (อ่าน 2505 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29353
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ทำอย่างไร.? ชีวิตจะเป็นมงคล
« เมื่อ: มกราคม 11, 2016, 10:47:54 am »
0


ทำอย่างไร.? ชีวิตจะเป็นมงคล
บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสสโร

ขณะที่ยืนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใกล้ที่ซึ่งมีบันทึกไว้ว่าเคยเป็นบ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้ที่นำเหรียญทองไปปูจนเต็มพื้นที่สวนเจ้าเชต เพื่อต้องการมอบที่ดินผืนนั้นถวายแก่หมู่สงฆ์ อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข และได้ตั้งชื่ออารามแห่งนั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าเชตว่า “เชตวัน”

ที่ท่านเศรษฐีทำเช่นนั้นเพราะมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา อีกทั้งต้องการให้ที่อยู่ของตนอยู่ใกล้กับพระอาราม เพื่อที่ตน ครอบครัวและชาวบ้านในบริเวณนั้นได้มีโอกาสมาฟังธรรม ศึกษาปฏิบัติธรรมตามเหตุอันควร

ท่านเศรษฐีนับเป็นแบบอย่างที่ดีของชาวพุทธที่ช่วยอุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์ทำบุญอยู่เสมอมิได้ขาด แม้ในยามยากก็ยังทำตามกำลัง และยังชักชวนคนในครอบครัวและผู้อื่นมาทำกุศล ด้วยวิธีการที่แยบคาย อีกทั้งอนุโมทนายินดีในบุญของผู้อื่น มีความมั่นคงในพระรัตนตรัยและยังเผื่อแผ่แก่ผู้ยากไร้มิได้ขาด ทำความดีจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตด้วยการนิมนต์พระสารีบุตรมาให้ธรรมะ สามารถใช้ความเจ็บป่วยทางกายเข้าถึงธรรมะชั้นสูง ก่อนหมดลมหายใจ


 :25: :25: :25: :25:

การได้อยู่ใกล้สมณะเป็นมงคลชีวิตอีกข้อหนึ่ง เพราะสมณะเป็นแบบอย่างแห่งความสงบ ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และคอยชี้แนะแนวทางการปล่อยวาง

ในปัจจุบันข่าวสารหรือพฤติกรรมของสมมุติสงฆ์ที่ไม่เหมาะสม มีให้เห็นเกือบทุกวัน ทำให้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยหมดความเลื่อมใสศรัทธา เป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ทำนุบำรุงพระศาสนา หรือไม่ศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติ จนเข้าถึงความสงบเย็นภายใน เพราะคิดว่าพระพุทธศาสนาคือพระเพียงเท่านั้น แต่ความจริง  พุทธศาสนาคือหลักการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเข้าใจในความเป็นจริงของกายและใจนี้เอง หาใช่เรื่องของผู้อื่นไม่  แต่แน่นอนว่า พระคือบุคลาธิษฐาน ที่เราต้องการเห็นความสมบูณ์แบบในตัวท่าน และเมื่อไม่เห็นเป็นเช่นนั้นก็เป็นเหตุให้ค่อยๆ ห่างไกลจากพระศาสนาอย่างน่าเสียดายไปพร้อมกับความไม่เข้าใจ จนไม่อาจเข้าถึงแก่นแท้แห่งคำสอนในที่สุด

แม้แต่ผู้พยายามอยู่ใกล้วัด ก็เข้าไม่ถึงแก่นที่จะปฏิบัติเพื่อปลดปล่อยพันธการแห่งการยึดมั่นในจิตตนได้ หากเดินตามกันแบบผิดๆ หลงใหลวัตถุมงคล จนลืมว่าหนทางนี้คือหนทางแห่งการลด ละ กิเลส ที่จะนำไปสู่ความเรียบง่าย สงบ เย็น   



ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ ที่หมายถึงผู้มีจิตใจที่ประเสริฐ ตราบใดที่เรายังหลง หมกมุ่น วุ่นวายแต่ในเรื่องการทำมาหากิน เที่ยว สนุกสนานเพลิดเพลิน การเกิดมาเป็นมนุษย์ของเรา เป็นสิ่งที่น่าเสียดายยิ่งนัก เพราะมนุษย์สามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นได้มากกว่านั้น เมื่อเราพัฒนาจิตใจของเราให้สงบเย็น ปล่อยวาง

ในทุกสังคมไม่ว่าที่ไหน สมัยไหน ย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี ณ เวลานี้เกือบทุกสังคม กำลังมาถึงจุดที่น่าเป็นห่วง เพราะเรามัวแต่มองความผิด ความไม่ดีของผู้อื่น กล่าวโทษสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นความเคยชิน ลืมที่จะมองตน สำรวจตนและแก้ไข ปรับปรุงตน หารู้ไม่ว่า การกล่าวโทษคนอื่น ก็ไม่ต่างจากการทำร้าย ทำลายจิตใจที่บริสุทธิ์งดงามของตัวเอง แล้วเราก็เป็นทุกข์มากขึ้นอย่างไม่รู้ว่ากำลังทุกข์ จากจิตใจที่แข็งกระด้าง ไร้ความเห็นอกเห็นใจ แต่ภายในนั้นเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจจากผู้อื่นตลอดเวลา


 ans1 ans1 ans1 ans1

ชาวพุทธ หมายถึง อยู่บนหนทางแห่งการตื่น รู้ เบิกบาน พึ่งตนเอง และเกื้อกูลกันและกัน แม้เราอาจยังไม่สมบูรณ์ เราก็เพียรหากัลยาณมิตร พยายามอยู่ใกล้ ผู้รู้ ตื่น เบิกบานที่เป็นแบบอย่างของความสงบ เรียบง่าย ที่เป็นตัวอย่างของเมตตากรุณาให้เราสัมผัสได้ และความเป็นมงคลที่แท้จะมีอยู่กับเราเสมอ ไม่ว่าบุคคล สถานการณ์ที่ประสบจะเลวร้ายแค่ไหน แต่เราจะไม่สูญเสียความงดงามในตนไป

           แบบอย่างที่ดีมีให้เสมอ เมื่อกล้า อดทนที่จะค้นหา
           และสิ่งที่ดีทั้งหมดนั้น มีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน
           แต่เราต้องพากเพียร ปฏิบัติ ฝึกฝน อย่างปล่อยวาง
           มองแต่ข้อบกพร่องที่ตน ผ่อนปรนที่คนอื่น เราจะไม่ตกต่ำกว่าเดิม
           อย่ามัวเรียกหา ความเป็นพุทธ จากสิ่งภายนอก เราจะหาไม่เจอ ตราบใดที่ยัง โลภ โกรธ หลง


ขอบคุณบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160108/220138.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ