พิมพ์

[raponsan]

กุมารเทพ กับ กุมารทอง(ของขุนแผน)

เด็กเก่งๆที่เกิดมาบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าคัมภีร์พุทธศาสนา เรียกกุมารโพธิสัตว์ ผีเด็กที่ขุนแผนปลุกเสก เรียกกุมารทอง ปีสองปีที่แล้วเริ่มมีตุ๊กตาเทพ ตุ๊กตาลูกเทพ

บ้านเมืองเรามีเสรีภาพทางความเชื่อ ใครใคร่เชื่อก็เชื่อ ใครใคร่รัก ใคร่จะอุ้มอะไร จะไปกินข้าว นั่งเครื่องบิน มีสตางค์ซื้อตั๋ว ไม่ว่างจะจ้างคนเลี้ยง อายุถึงเกณฑ์ต้องจ้างครูพิเศษสอนหนังสือ เขาก็มีบริการให้เหมือนคน

ผมเคยตั้งใจฟัง ทั้งคนขายตุ๊กตาเทพ ทั้งคนเลี้ยงตุ๊กตาเทพทางทีวี คุณจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ก็ช่างซักช่างถาม ถามไปยิ้มไป คนขายก็คุยไป คนเลี้ยงก็เล่าไป น่าเอ็นดูไปด้วยกัน

มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม...ต้องอยู่กับคน แต่คนบางคนก็พันเหลี่ยมร้อยเล่ห์ อยู่กันแล้วรักกันไม่ได้ ก็ต้องหันไปรักตุ๊กตา...ยิ้มได้ ส่งสายตาอ้อนได้ มีโปรแกรมพูดก็ได้ ไม่เคยหลอกให้รัก ไม่เคยลวงหลง...จึงเป็นทางออกหนึ่งของคนเหงา

ใครที่คิดว่าฉลาด จะไปนินทาว่าเขา ผมว่าไม่น่าจะถูกต้อง

 

ที่มาของตุ๊กตาเทพมีสองกระแส กระแสแรก หมอดูคนหนึ่ง เดินสะดุดตุ๊กตา...แล้วก็คิดว่า เขาน่าจะมีชีวิต กระแสสอง คนขายตุ๊กตาในหมู่ดาราชื่อ “เทพ” เดิมเรียกว่า ตุ๊กตาคุณเทพ ต่อมาตัด “คุณ” ออก

ธุรกิจขายตุ๊กตา ทั้งเสื้อผ้าพัสตราภรณ์ก็เฟื่องฟู ช่วยหนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรองนายกฯสมคิดได้อีกทาง เพื่อให้เชื่อว่า “ขลัง” กว่าตุ๊กตาธรรมดา ก็จะต้องมีพิธีปลุกเสก...เสกพิธีเล็กพิธีใหญ่ มีราคาตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไปถึงหมื่น

“ไทยรัฐ” ฉบับวันอาทิตย์ มีคอลัมน์เหนือฟ้าใต้บาดาล คนเขียนตอนนี้ใช้ชื่อ “รักยม” เจอหน้าผมจะขอให้ไปช่วยตามข่าว อาจารย์คนไหน ค่าปลุกเสกตุ๊กตาเทพแพงที่สุด จัดคิวลูกค้าอย่างไร ก็อยากจะรู้...พิธีกรรมเป็นไง ใช้คาถาบทไหน

 

แต่ที่แน่ใจ...พิธีปลุกเสกคงทำให้แค่เชื่อว่ามีชีวิตแบบเด็กธรรมดา ไม่ตั้งใจให้เก่งโลดโผนพิสดารเหมือนกุมารทอง ถ้าอยากจะให้เก่งเหมือนกุมารทอง ก็ต้องใช้พิธีกรรม “ขุนแผน” พอนางบัวคลี่ท้อง ก็หลอกให้หลุดปากยกให้ตามอุปเท่ห์ ขั้นแรก ฆ่าบัวคลี่ ผ่าท้องแหวกเอาเด็กออกมา ก็อุ้มไปทำพิธีปลุกเสกที่วิหารวัดใต้

    กลอนเสภาขุนช้างขุนแผนพรรณนาไว้ดังนี้

    เอาไม้ชัยพฤกษ์พระยายา  ปักเป็นขาพาดกับกุมารวาง
    ยันต์นารายณ์ฉีกอกปกปิดกลาง  ลงยันต์นางพระธรณีที่พื้นดิน
    เอาไม้รักปักเสาขึ้นสี่ทิศ  ยันต์ปิดปักธงวงสายสิญจน์
    ลงเพดานยันต์สังวาลอมรินทร์  ก็พร้อมสิ้นในตำราถูกท่าทาง
    เอาไม้มะริดกันเกราเถากันภัย  ก่อชุดจุดไฟใส่พื้นล่าง
    ตั้งจิตสนิทดีไว้ที่ทาง  ภาวนานั่งย่างกุมารทอง

ย่างแล้วปลุกเสกครบพิธี กุมารทองจึงมีฤทธิ์เดชวิเศษสารพัด กระซิบพ่อให้แหวกวงล้อมขุนหาญพ่อตา ที่ยกพวกไปล้อมวิหารวัดใต้ออกมาได้ เตือนขุนแผนให้สติตอนแค้นจะฆ่านางวันทอง ช่วยอารักขาพาพลายชุมพลมาหาพ่อขุนแผน

 

สมัยนี้คงหาคนคิดจะปลุกเสกกุมารทอง...ฆ่าเมียผ่าท้องเมีย...เหมือนขุนแผนไม่มี ถ้ามีก็คงเจอคดีฆาตกรรมลูกเมีย “เณรแอ” แค่ไปหาศพเด็กจากป่าช้ามาย่าง ยังติดคุก

ผมเพิ่งได้ข่าวคนมีวิชา ปกติก็มีศิวลึงค์ทองคำจิ๋วห้อยคอ...คนคนนี้มีบุญวาสนามาก ที่บ้านหลังใหญ่ปลูกต้นไม้ใหญ่น้อยไว้สารพัดต้น ต้นชัยพฤกษ์ ต้นพระยายา ไม้มะริด ไม้รัก ไม้กันเกรา (หายาก) เถากันภัย ดูจะมีไว้หมด

ใช้ต้นไม้เหล่านี้ประกอบพิธีปลุกเสกตุ๊กตา...ตั้งชื่อไม่เหมือนใครว่า “กุมารเทพ” ว่ากันว่ามีฤทธิ์น้องๆกุมารทอง ปลุกเสกแล้วเจ้าของหวงมาก ยังไม่ยอมให้ใครดู

ผมพอรู้จักแต่ไม่กล้าถาม ปลุกเสกกุมารเทพ ไว้ใช้เองแล้ว จะเผื่อแผ่บารมีรับปลุกเสกให้คนอื่นบ้างหรือไม่...ถ้ารับ จะคิดค่าวิชาซักเท่าไหร่ ใครอยากได้กุมารเทพ รู้จักและกล้า ก็ลองหาช่องทางกันเอง.


คอลัมน์ ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง
https://www.thairath.co.th/content/568190