ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผลวิจัย ทึ่ง.! ทำสมาธิช่วย แก้โรคความดันได้  (อ่าน 763 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ผลวิจัย ทึ่ง.! ทำสมาธิช่วย แก้โรคความดันได้

ผลวิจัยอาจารย์ มจร.พบ การปฏิบัติธรรม วิปัสสนา ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” ช่วยลดความดันโลหิตได้ หวังเป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโรคความดัน

วันนี้ (22ก.พ.) ผู้สื่อข่าว รายงานว่า จากการสัมมนาวิจัยพุทธศาสนานานาชาติ ครั้งที่ 7 จัดโดยสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์และวิทยาลัยสงฆ์นครน่านเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ซึ่งมีนักวิจัยด้านพระพุทธศาสนาจาก 17 ประเทศเข้าร่วมงาน ที่วิทยาลัยสงฆ์นครน่านเฉลิมพระเกียรติ วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน โดยภายในงานมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวพระพุทธศาสนาแหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนา และการนำเสนอผลงานวิจัยทางพระพุทธศาสนา ซึ่งงานวิจัยที่สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้เข้าร่วมงานมากที่สุด คือ ผลการศึกษาผลของการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อระดับความดันโลหิต ของนางจุฑามาศ วารีแสงทิพย์ อาจารย์ประจำหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาธรรมนิเทศ บัณฑิตวิทยาลัย มจร.

 :96: :96: :96: :96:

โดย นางจุฑามาศ กล่าวว่า จากหลายงานวิจัย พบว่า ความเครียดต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และ โรคหลอดเลือดหัวใจตามมา จึงตั้งข้อสังเกต ว่า การปฏิบัติธรรมนั้นช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิ และทำวิจัยนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เป็นลักษณะและวิธีการของการเจริญสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่สำคัญในพุทธศาสนาว่า จะมีผลดีต่อการลดความดันโลหิตหรือไม่

โดยวิธีการวิจัย จะศึกษาการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 ในพระไตรปิฎก โดยใช้วิธีการของยุบหนอ-พองหนอ และได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้ปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม มจร.วังน้อย และศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานนานาชาติ วัดมหาธาตุยุวราชยุวราชรังสฤษฎิ์ จากพุทธศาสนิกชนที่มีอายุ 17-77 ปี มีความตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติที่สามารถเดินจงกรมและนั่งปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในเวลาที่เท่า ๆ กันอย่างต่อเนื่องได้นาน 30 นาที จํานวน 25 คน 45 นาทีจํานวน 20 คน และ 60นาทีจํานวน 20 คน ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 65 คน โดยจะวัดความดันโลหิตและชีพจรก่อนและหลังการปฏิบัติ

 :25: :25: :25: :25:

นางจุฑามาศ กล่าวต่อไปว่า ผลจากการศึกษา พบว่า ก่อนเดินจงกรมและหลังนั่งเป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างละ 30, 45 และ 60 นาที ตามลำดับมีชีพจรเฉลี่ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ต่อมาเมื่อกลุ่มตัวอย่างก่อนเดินจงกรมและหลังนั่งเป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างละ 45 นาที พบว่า มีค่าความต่างระหว่างค่าความดันตัวล่างกับตัวบน หรือค่า Pulsepressure เฉลี่ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

จึงสรุปได้ว่าวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 เมื่อทำต่อเนื่องกันทั้งการเดินจงกรมและการนั่งสมาธิ ตามเวลาดังกล่าว ทำให้มีการปรับอินทรีย์อย่างสมดุลย์ เป็นผลทำให้สามารถลดการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติจนทำให้ชีพจร และค่าความดันของผู้ปฏิบัติเฉลี่ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติตามลำดับ เวลาของการปฏิบัติโดยค่าที่ลดลงของความดันโลหิตจากผลงานวิจัยครั้งนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 10 มิลลิเมตรปรอท


 ans1 ans1 ans1 ans1

นางจุฑามาศ กล่าวด้วยว่า ผลงานวิจัยครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับความดัน โดยล่าสุดในการประชุมอเมริกันโซไซตี้ อ๊อฟ เนโพรโลยี(AmericanSociety of Nephrology) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือน พ.ย.2558 ยังนำผลงานวิจัยดังกล่าวไปเผยแพร่ออนไลน์ผ่านทางนิตยสารออนไลน์ของการประชุมครั้งนี้ที่ชื่อว่าคิดนี่วีค (KidneyWeek) ด้วย โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมสมาคมแพทย์โรคไตของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีแพทย์จากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม.


ขอบคุณข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/381263
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ