ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอบคุณที่ให้โอกาส  (อ่าน 837 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณที่ให้โอกาส
« เมื่อ: มีนาคม 15, 2016, 08:52:19 pm »
0

ขอบคุณที่ให้โอกาส : บาตรเดียวท่องโลก
โดยพระพิทยา ฐานิสสโร

พระเซน ชาวเวียดนาม ที่เคยปฏิบัติด้วยกัน มาสร้างวัดอยู่ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา และพยายามช่วยบรรดาหลวงน้องในประเทศเวียดนาม ให้มาปฏิบัติที่วัดของท่าน เมื่อทุกรูปที่มาอยู่รวมกันต่างมีความคิดในแบบของตน ไม่ต้องการปฏิบัติแบบเดิมๆ ที่เคยปฏิบัติร่วมกันมา แต่ยังหาแนวทางของตนไม่เจอ และอยากทำตามแบบที่ตนเองคิดว่าใช่ ไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนแห่งการอยู่ร่วมกัน ปัญหาจึงค่อยๆ ตามมา จนไปถึงความไม่สามัคคีของหมู่คณะ และบางรูปก็ไม่ได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่เคยรับมา กลับไปตามกระแสสังคมพระที่ไม่ปฏิบัติ ประกอบพิธีกรรมหาเลี้ยงชีพ หลงในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เกิดความเห็นผิดอย่างใหญ่หลวง และด้วยความที่ท่านเข้มงวดอยากให้ทุกรูปได้ดี ใช้ไม้แข็ง กฎเหล็กกับพระเหล่านั้น ทั้งที่ท่านเหล่านั้นไม่พร้อม จึงเกิดการต่อต้านเกิดขึ้น สร้างความทุกข์ให้แก่ท่านและบรรดาพระรูปอื่นเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเราได้รับนิมนต์ให้มาพักก็เข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น เหมือนแต่ละท่านอาการคล้ายคนบ้านแตก หาที่พึ่งไม่เจอ หนทางก็ไม่ชัดเจน เห็นถึงความทุกข์ในรูปแบบที่แตกต่าง และหาความสมดุลแห่งการอยู่ร่วมไม่เจอ แต่เราก็เห็นอีกเช่นกันว่า ทุกท่านพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงความเห็นผิดไปสู่ความเห็นถูกได้เช่นกัน ถ้าได้รับความเมตตา เห็นใจ และเข้าใจอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิ่งที่ไร้ระเบียบ แบบแผน ได้ถูกสั่งสมมานานพอสมควร อยู่ตรงไหน รกตรงนั้น ไม่มีตารางปฏิบัติร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างฉัน


 :96: :96: :96: :96:

ถ้าเจอสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ในอดีต เราคงไม่อยู่ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เพราะถ้าความเมตตากรุณาต่อตนเองน้อยเกินไป เราจะทุกข์ได้ง่ายมาก เมื่อเห็น ได้ยิน ในสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ยิ่งถ้ายึดติดในสิ่งสมมุติว่า พระควรเป็นอย่างไร มีหน้าที่อะไรบ้าง เราจะทุกข์ตั้งแต่คิด จนเลยเถิดถึงขั้นดูถูก ดูแคลน แต่ถ้ามองในทางกลับกัน นี้คือบททดสอบ การปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่ ดังที่อาจารย์เซนหลายท่านได้กล่าวไว้ ถ้าลูกศิษย์คนไหนทำผิด เห็นผิดอยู่ ท่านจะเมตตากรุณาศิษย์นั้นเป็นพิเศษ และให้อยู่ใกล้ชิดท่านที่สุด ไม่ให้ไปที่ไหน แต่ถ้าศิษย์ท่านไหนดีแล้ว รู้หนทางชัดเจนแล้วท่านจะไม่ใส่ใจ

ในที่สุดแล้วต้องถามตัวเราว่า พร้อมแค่ไหนในการฝึกตน เพราะไม่เช่นนั้นเราจะตกเป็นเหยื่อ และทำร้ายกันและกัน สุดท้ายเราเองอาจไม่สามารถรักษาตัวเอง ในภาวะสมณเพศอย่างแท้จริง

เราจะทุกข์เมื่อเห็นแต่ความไม่สวยงาม ไม่น่ารัก ต่อสิ่งที่ปรากฏในทางที่ไม่ดี เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะขาดความเมตตากรุณาต่อเขา นั่นคือ ขาดความเมตตาต่อตัวเองด้วยเช่นกัน หลายคนเป็นมากกว่านั้น เพราะยิ่งเกิดความรังเกียจ ผลักไส ดูถูก เหยียดหยาม ฯลฯ นั่นหมายความว่า เราทำให้จิตใจเราตกต่ำยิ่งขึ้น เมื่อตาไปกระทบรูป หรือหูไปกระทบเสียง เราวางสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยินไม่ได้ กลับปรุงแต่งไปในทางที่ไม่ดี ความทุกข์จึงปรากฏ แต่เมื่อเราเปิดใจ เราจะรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏไม่ดีเกือบทั้งหมดนั้น ต้องการความเมตตากรุณาอย่างยิ่ง เพราะอาจเกิดจากความเห็นผิด จึงคิด ทำ พูด ปรากฏแบบผิดๆ

 ans1 ans1 ans1 ans1

ที่สำคัญคือ ถ้าเราไม่เข้าใจรากแห่งความเห็นผิด คือ ความไม่รู้นั้น เราจะไม่สามารถเมตตากรุณาต่อสิ่ง บุคคลนั้นได้เลย

ในช่วงแรกของการอยู่ที่นี่ เราไม่พูดสิ่งใดๆ ไม่ถามว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เราตื่นแต่เช้า แล้วให้สัญญาณระฆังมานั่งสมาธิ เดินสมาธิ ฉันอาหาร ทำงานวัด ฯลฯ แล้วเราก็ตั้งหลักไว้กับตัวเองว่า ไม่มีใครทำไม่เป็นไร แต่เราทำทุกวันไม่ขาด สกปรก รก ไม่เป็นระเบียบที่ไหน เห็นเก็บทันที ถ้าเกิดความหงุดหงิด ไม่พอใจ เมื่อตากระทบรูปไม่พอใจก็หยุดหายใจ ไม่ทำในตอนนั้น จนกว่าจะสงบ แล้วค่อยกลับมาทำใหม่ ต้องมั่นใจเสมอว่าจะหยิบ จับ ทำความสะอาดสิ่งใด เราเองต้องทำด้วยสติ และความสุขสงบจากภายใน ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ความสะอาด เป็นระเบียบที่เกิดขึ้น จะทำร้ายเราและผู้อยู่ร่วมกัน

เพราะถ้าเราทำด้วยความติเตียน ดูถูก ดูแคลน เหยียดหยาม จิตใจเช่นนั้นจะสร้างคำพูดส่อเสียดจะตามมา ยิ่งสร้างความร้าวฉาน ความทุกข์ไม่จบสิ้น ถึงแม้เวลานี้ไม่เป็นระเบียบ สกปรก อาจไม่จำเป็นต้องทำตอนนี้ ปฏิบัติกลับมาที่ใจตัวเอง จนกว่าจิตสงบก่อน ไม่ใช่นิ่งดูดาย แต่เพื่อให้แน่ใจว่า เวลาที่เราพร้อมทั้งกายใจที่สงบแท้จริง จึงเริ่มทำ


 st12 st12 st12 st12

ดังนั้นทุกๆ ที่ในวัดจึงค่อยเริ่มสะอาด เป็นระเบียบ พระแต่ละรูปจึงค่อยๆ ยื่นมือมาช่วย เริ่มมานั่งสมาธิ เดินจงกรม ฉันอาหาร ทำงานร่วมกัน แม้ยังไม่ครบบ้าง แต่ก็มามากขึ้น มาช่วยกันทำความสะอาด เก็บกวาดทุกอย่างให้เข้าที่ หลังการใช้งานแล้ว

๑ เดือนที่มีโอกาสได้พำนัก ณ วัดแห่งนี้ รู้สึกขอบคุณพระทุกรูป ที่ให้โอกาสได้สร้างความเมตตากรุณาในตัวเอง โดยไม่ต้องหวังว่าเขาจะได้รับ หรือเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ไม่คิดแม้กระทั่งต้องเมตตากรุณาต่อพวกท่านเหล่านั้น แค่เราทำหน้าที่เราเท่านั้นเอง

ขอบคุณสถานที่ ญาติโยมที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ มองที่ตัวเราเป็นสำคัญ ว่ากายใจเราเป็นอย่างไร ปกติอยู่ไหม แค่ทำทุกอย่างๆ ปกติ ไม่จำเป็นต้องสอน บอก หรือเตือนสิ่งใดๆ ให้แก่ใคร แต่ถ้าหากมีใครถาม เราก็จะแบ่งปัน

              วิ่งหา ตามหาความงดงามจากสิ่งภายนอก
              ไม่มีวันเจอความงดงามอย่างแท้จริง
              ไม่สวยงาม ไม่ดี เพราะเห็นผิด
              ทุกอย่างบนโลกใบนี้ งดงามอย่างที่เป็น
              แม้สิ่งที่หลายคนกล่าวว่า น่ารังเกียจที่สุด ยังมีความงาม


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160315/224136.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ