ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าวัดพญากง อยุธยา กรมศิลป์รู้เกือบ 50 ปีแล้ว  (อ่าน 1150 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

(ซ้าย) พระเศียรพระพุทธรูปศิลาขาวจากวัดพญากง กรมศิลปากรติดตามกลับคืนมา เมื่อเดือนมิถุนายน 2501
(ขวา) ชิ้นส่วนต่างๆ ของพระพุทธรูปศิลาขาวในวัดพญากง ถูกทำลายก่อนกรมศิลปากรนำมาเก็บรักษา
(ภาพและคำอธิบายจากหนังสือพระพุทธรูปศิลาขาว สมัยทวารวดี กรมศิลปากรพิมพ์แจกครั้งแรก พ.ศ. 2510)


คุณค่าวัดพญากง อยุธยา กรมศิลป์รู้เกือบ 50 ปีแล้ว

วัดพญากง อยุธยา ควรได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนเป็นพิเศษมานานแล้ว โดยไม่ต้องรอคำร้องขอจากสาธารณชน เพราะกรมศิลปากร ตระหนักในความสำคัญของวัดนี้เกือบ 50 ปีแล้ว จากกรณีพระพุทธรูปศิลาขาว สมัยทวารวดี นั่งห้อยพระบาท

นายธนิต อยู่โพธิ์ (อดีตอธิบดีกรมศิลปากร) เขียนบอกไว้เองในหนังสือชื่อ พระพุทธรูปศิลาขาว สมัยทวารวดี กรมศิลปากรพิมพ์แจก พ.ศ. 2510 จึงไม่ควรอ้างอย่างที่มักอ้างตามประเพณี ว่าไม่มีคน ไม่มีเงินงบฯ และต้องทำตามคิว ฯลฯ

ยังมีพยานอีกราว 50 ปีมาแล้ว น. ณ ปากน้ำ (นักปราชญ์สยาม) เคยบุกป่าฝ่าดงกลางซากอิฐปูนที่อยุธยาลงไปสำรวจที่วัดพญากง ราว พ.ศ. 2509-2510 เขียนบันทึกว่าสิ่งที่เหลือซากล้วนมีความสำคัญ [ดูในหนังสือ ห้าเดือน กลางซากอิฐปูนที่อยุธยา ของ น. ณ ปากน้ำ (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2510) สำนักพิมพ์เมืองโบราณ พิมพ์ครั้งที่สี่ พ.ศ. 2558 หน้า 376-377] จะสรุปมาให้อ่านง่ายๆ ดังนี้

พระพุทธรูปหินทรายขาว เศียรขาด ปางมารวิชัย ขนาดใหญ่จำนวนมากมาย พระพักตร์กลม พระหนุป้านใหญ่แบบอยุธยาตอนต้น หรืออาจจะเก่ากว่านั้น เศียรที่พบชำรุดขนาดหนัก ถ้ายังดีอยู่ต้องถูกขนไปขายนักค้าของเก่าเสียแล้ว มีซากเจดีย์ก่อฐานสี่เหลี่ยมซ้อนขึ้นไปสามชั้น ข้างบนพังทลายลงมา เข้าใจว่าจะเป็นเจดีย์รูปแบบเดียวกับเจดีย์สมัยลพบุรี หรืออาจจะเป็นเจดีย์รุ่นทวารวดีก็ได้ เพราะเป็นซากเก่าแก่มาก


ผู้เขียน   : สุจิตต์ วงษ์เทศ
ที่มา : มติชนออนไลน์
เผยแพร่ : 16 มี.ค. 59
http://www.matichon.co.th/news/73048
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ