ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ปอยส่างลอง” บวชเณรน้อยไม่ธรรมดา!!! ทรงคุณค่างดงามคู่เมืองสามหมอก  (อ่าน 1430 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“ปอยส่างลอง” บวชเณรน้อยไม่ธรรมดา!!! ทรงคุณค่างดงามคู่เมืองสามหมอก

ถ้าพูดถึง “แม่ฮ่องสอน” เมืองที่อยู่ท่ามกลางขุน สิ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงก็คือภูเขาน้อยใหญ่ที่โอบล้อมเมืองเล็กๆ แห่งนี้เอาไว้ ไม่เพียงแต่ธรรมชาติที่โอบล้อมสถานที่แห่งนี้ไว้เท่านั้น วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่นี่ ก็ดูอบอุ่น มีเอกลักษณ์ไม่แพ้สถานที่ใดเช่นกัน
       
       และในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีการจัดงานเทศกาล “ประเพณีปอยส่างลอง” ขึ้น ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทใหญ่ ในช่วงเทศกาลนี้เองพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะเต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนานเป็นอย่างมาก



        โดยในปีนี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน ร่วมกับ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมสืบสานงานประเพณี “ปอยส่างลอง” อันทรงคุณค่า ซึ่งมีกำหนดจัดงานใหญ่ในหลายพื้นที่ของจังหวัด เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 59 เป็นต้นไป
       
       สำหรับประเพณี “ปอยส่างลอง” เป็นการบรรพชาสามเณรหมู่ หรือการบวชเณรหมู่ของชาวไทใหญ่
       
       คำว่าปอยส่างลองเป็นภาษาไทใหญ่ โดย “ปอย” หมายถึง งาน “ส่าง” เพี้ยนมาจาก สางหรือขุนสาง หมายถึง พระพรหม หรืออีกความหมายหนึ่งมาจากคำว่าเจ้าส่าง ซึ่งหมายถึงสามเณร ส่วนคำว่า “ลอง” มาจาก “อลอง” หมายถึง หน่อกษัตริย์ หรือราชบุตร



        โดยรวมแล้วปอยส่างลองหมายถึงการบวชเณรโดยเลียนแบบพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าตอนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก่อนออกผนวช
       
       ดังนั้นการกระทำทุกอย่างในช่วงที่เป็นส่างลองก็จะเสมือนว่าเป็นการปฏิบัติต่อกษัตริย์ ตั้งแต่การแต่งกายที่แต่งตามแบบกษัตริย์พม่าโบราณ นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อมีชายเชิงงอนปักดิ้นไหม ประดับด้วยเพชรนิลจินดาทั้งสร้อย กำไล และแหวน ศีรษะสวมชฎายอดแหลมหรือโพกด้วยผ้าแพรและประดับด้วยดอกไม้
       
       เวลาจะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องเดินเอง เพราะจะมี “ตะแปส่างลอง” หรือ “ตะแป” เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวคอยดูแลให้ส่างลองขี่คอไม่ยอมให้เท้าแตะดิน มีคนคอยกางร่ม หรือ “ทีคำ” หรือร่มทองคำกางกันแดดให้ ทั้งนี้คงเป็นกุศโลบายเพื่อไม่ให้ส่างลองซึ่งยังเป็นเด็กน้อยซุกซนจนได้รับอันตรายก่อนที่จะได้บวช



        ทั้งนี้ชาวไทใหญ่เชื่อกันว่าการบวชส่างลองนั้นมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่กว่าการบวชพระ เพราะเด็กที่บวชนั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ และการบวชส่างลองถือเป็นการสนับสนุนบุตรหลานได้บรรพชาในพุทธศาสนา พ่อแม่จึงยอมเสียสละสิ่งของเงินทองเพื่อสนับสนุนให้บุตรหลานพบกับอริยทรัพย์ในพุทธศาสนา
       
       สำหรับงานประเพณีปอยส่างลองที่จัดขึ้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน หากใครมีโอกาสเข้าร่วมงาน จะสัมผัสได้ถึงความรักและความชื่นใจของพ่อแม่และญาติพี่น้องของส่างลอง ผ่านทางการบรรจงตกแต่งใบหน้า เขียนคิ้วเขียนตา แต่งแต้มสีสันบนแก้มและปาก และช่วยกันแต่งตัวให้ส่างลองด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆ ด้วยความตั้งใจ จนเด็กชายกลายเป็นกษัตริย์ตัวน้อยเตรียมบวชให้พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์



        อย่างไรก็ดีก่อนที่ส่างลองจะได้บรรพชาเป็นสามเณรนั้น จะต้องมีพิธีต่างๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนบวช 3 วันด้วยกัน โดยในวันแรกถือเป็น “วันรับส่างลอง” หรือ “วันรับส่าง”จะมีพิธีการอาบน้ำเงิน อาบน้ำทอง แต่งหน้าแต่งตัวกันตั้งแต่เช้ามืด ก่อนที่ส่างลองทั้งหมดจะขึ้นขี่คอตะแปแห่ไปยังวัดเพื่อนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกราบคารวะขอขมาลาโทษศาลเจ้าเมือง รวมถึงต้องไปนมัสการพระผู้ใหญ่ในเมือง อีกทั้งในวันนี้ ส่างลองยังจะได้ไปเยี่ยมเยือนบ้านญาติเพื่อขอขมาลาโทษ ส่วนบ้านใดที่ส่างลองมาเยี่ยมก็จะถือว่าเป็นโชคเป็นบุญ จึงมีการเลี้ยงต้อนรับด้วยอาหารเครื่องดื่ม รวมทั้งมีการผูกข้อมือสู่ขวัญส่างลอง


        วันที่สอง คือ “วันข่ามแขก” หรือ“วันรับแขก” หรือ “วันแห่ครัวหลู่” ในวันนี้จะมีพิธีสำคัญคือพิธีการแห่ครัวหลู่ หรือการแห่เครื่องไทยธรรมและอัฐบริขารต่างๆ โดยญาติพี่น้องและผู้ที่มีศรัทธาจะมาร่วมกันถือร่วมกันหามเครื่องไทยธรรมเดินนำหน้าขบวนส่างลอง จากนั้นก็จะเป็นขบวนของส่างลอง เมื่อเข้าขบวนได้บรรดาตะแปต่างก็เดินโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรีของกลองและฆ้องที่บรรเลงอย่างคึกคัก ส่างลองบางคนสนุกสนานยิ้มร่าเต้นตามจังหวะอยู่บนคอตะแป แต่บางคนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความจุกเมื่อตะแปเขย่าตัวแรงเกินไป นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สนุกสนานสุดๆ
       
       หลังจากขบวนแห่เสร็จ ในตอนเย็นจะมีการทำพิธี และเลี้ยงอาหารส่างลองด้วยกับข้าว 12 อย่าง โดยพ่อแม่จะต้องป้อนข้าวและกับทั้ง 12 อย่างให้ครบ โดยเริ่มจากผู้เป็นแม่ก่อน จากนั้นจึงจะเป็นพ่อ เมื่อทั้งพ่อและแม่ป้อนเสร็จแล้ว จากนั้นจึงให้ส่างลองกินข้าวเองจนอิ่ม



        ส่วนพิธีในวันสุดท้ายเป็น “วันข่ามส่าง” หรือ “วันหลู่” ซึ่งเป็นพิธีอันสำคัญก็คือการ "บรรพชาเป็นสามเณร" บรรดาส่างลองจะเปล่งวาจาขอบรรพชากับพระอุปัชฌาย์ ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มจากชุดกษัตริย์มาเป็นจีวร สร้างความปลื้มปิติให้แก่พ่อแม่ และผู้ที่เข้ามาร่วมงานได้อิ่มบุญกันอย่างถ้วนหน้า
       
       ถึงแม้ว่าการบวชส่างลองจะเป็นพิธีที่ให้อานิสงค์มาก แต่ค่าใช้จ่ายในการบวชปอยส่างลองนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ ทำให้ครอบครัวคนยากจนที่มีลูกชาย แม้อยากบวชก็ไม่สามารถทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวฐานะดีแต่ไม่มีลูกชายให้บวชก็มีเช่นกัน



        ดังนั้นเพื่อเป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน จึงเกิดมี “พ่อข่าม” “แม่ข่าม” หรือผู้ที่รับเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์ในการบวชให้แก่เด็กชายที่ไม่มีทุนทรัพย์แต่ต้องการบวชส่างลอง เรียกง่ายๆ ว่า ฝ่ายหนึ่งได้บวช ฝ่ายหนึ่งได้บุญ แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย
       
       เรียกได้ว่าประเพณี “ปอยส่างลอง” เป็นอีกหนึ่งงานประเพณีที่ไม่ได้หาชมกันได้ง่ายๆ เพราะใน 1 ปี จะมีการบวชเพียงแค่หนึ่งครั้ง แล้วการมาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้สนุกสนานไปกับงานแล้ว ยังได้บุญแบบเต็มกระเป๋ากลับบ้านไปอีกด้วย



      สำหรับปีนี้ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีกำหนดจัดงานประเพณีปอยส่างลองในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัด ดังนี้
       
       อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
       ระหว่างวันที่ 1 - 4 เมษายน 2559 ณ วัดม่วยต่อ ( ขบวนแห่ครัวหลู่ วันที่ 3 เม.ย. 59 )
       
       อำเภอปาย
       ระหว่างวันที่ 2 - 4 เมษายน 2559 ณ วัดป่าขาม ( ขบวนแห่ครัวหลู่ วันที่ 3 เม.ย. 59 )
       
       อำเภอแม่สะเรียง
       ระหว่างวันที่ 1 - 3 เมษายน 2559 ณ วัดศรีบุญเรือง ( ขบวนแห่ครัวหลู่ วันที่ 2 เม.ย. 59 )
       ระหว่างวันที่ 5 - 7 เมษายน 2559 ณ วัดสุพรรณรังสี ( ขบวนแห่ครัวหลู่ วันที่ 6 เม.ย. 59 )
       
       ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 053 612 982-3

       
หมายเหตุ : ภาพประกอบ เป็นงานประเพณีปอยส่างลอง ปี 2558 ที่จัดขึ้นที่ ที่วัดจองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
ขอบคุณภาพและบทความจาก : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000028053
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

   ภาคเหนือเชื่อว่าความศรัทธาศาสนา มีมากครับ

        ตั้งแตสมัย นครเชียงใหม่ แล้วครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา