ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยันวุฒิ ‘สงฆ์-โลก’ มาตรฐานเท่ากัน ชี้เพิ่มศาสนทายาท  (อ่าน 1004 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0





อจญ.สนร.วัดตากฟ้ายันวุฒิ ‘สงฆ์-โลก’ มาตรฐานเท่ากัน ชี้เพิ่มศาสนทายาท เผยข้อดีร่างกม.-ช่วยให้ ‘ทิด’ มีงานทำหลังสึกพระ

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พระราชปริยัติวิธาน รองเจ้าอาวาสวัดตากฟ้า อาจารย์ใหญ่สำนักเรียน (อจญ.สนร.) วัดตากฟ้า จ.นครสวรรค์ และรองเจ้าคณะจังหวัด (รอง จจ.) นครสวรรค์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ…. ในมาตรา 22 ที่บัญญัติว่า การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรมสนามหลวง และแผนกบาลีสนามหลวง ที่จัดให้แก่สามเณรซึ่งมิใช่เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับหรือพระภิกษุ มีวิทยฐานะ ดังนี้
   1.แผนกธรรมสนามหลวง มีวิทยฐานะชั้น ม.ต้น
   2.แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม (ป.ธ.)
   3 มีวิทยฐานะชั้น ม.ปลาย 3.แผนกบาลีสนามหลวง ชั้น ป.ธ.6 มีวิทยฐานะชั้นปริญญาตรี
   4.แผนกบาลีสนามหลวง ชั้น ป.ธ.8 มีวิทยฐานะชั้นปริญญาโท และ
   5.แผนกบาลีสนามหลวง ชั้น ป.ธ.9 มีวิทยฐานะชั้นปริญญาเอก

ซึ่งมีการวิจารณ์ว่าไม่สามารถเทียบเท่ากันได้เนื่องจากวุฒิการศึกษาตรี-โท-เอก ทางโลก มีความรู้พื้นฐานหลากหลาย ส่วนทางการศึกษาของพระสงฆ์เรียนภาษาบาลีอย่างเดียวและวุฒิการศึกษาของสงฆ์แค่ให้ผ่าน ไม่มีรายละเอียดหรือใบผลการเรียนนั้นว่า สมัยก่อนเคยเทียบวุฒิให้พระภิกษุที่สอบได้ ป.ธ.9 เทียบเท่าวุฒิปริญญาตรี แต่พอยุคปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป คณะสงฆ์จึงมองว่า ป.ธ.9 เป็นการศึกษาที่สูงที่สุดแล้วของพระสงฆ์ จึงควรเทียบเท่าการศึกษาทางโลกระดับปริญญาเอก คณะสงฆ์จึงได้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรมขึ้น เพื่อให้มีกฎหมายรองรับการศึกษาของคณะสงฆ์ และเพื่อสร้างกำลังใจให้กับพระภิกษุสามเณร และสร้างแรงใจให้มีผู้มาบวชเรียนเพิ่มขึ้น แต่สาระสำคัญก็เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา


 :96: :96: :96: :96:

พระราชปริยัติวิธานกล่าวต่อว่า ความแตกต่างระหว่างการศึกษาของคณะสงฆ์ ป.ธ.6-9 และการศึกษาทางโลกในระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่างกันตรงที่การศึกษาของคณะสงฆ์ไม่มีสาขาวิชาพื้นฐานที่หลากหลาย และไม่ได้ทำวิจัยเหมือนทางโลก เพราะหลักใหญ่ทางการศึกษาของพระสงฆ์คือการศึกษาภาษาบาลีเพื่อแปลพระไตรปิฎก แต่การศึกษาทางโลกจะเน้นความรู้เฉพาะทางทำวิจัยเจาะลึก เมื่อเรียนจบก็นำความรู้ไปประกอบอาชีพต่างๆ ดังนั้น จึงมีผู้ตั้งคำถามว่า พระสงฆ์สึกออกไปจะทำอะไร จะเปรียบเทียบวุฒิเปรียญธรรมกับสาขาวิชาชีพใด ในส่วนนี้อาจยังไม่ชัดเจนเพราะกฎหมายยังไม่ออก

แต่อาตมามองว่า น่าจะเป็นหลักสูตรสาขาวิชาพระพุทธศาสนา เมื่อจบออกไปแล้วก็สามารถทำงานด้านศาสนาในองค์กรต่างๆ ได้ ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการศึกษาของคณะสงฆ์มีแผนกสามัญ ที่จัดการศึกษาเหมือนทางโลก และยังมีมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่งที่เปิดสอนระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก แล้วคณะสงฆ์จะนำวุฒิการศึกษาทางสงฆ์มาเทียบวุฒิการศึกษาทางโลกเพื่ออะไรนั้น จริงๆ แล้วต้องการรักษาพระพุทธศาสนา แต่การรักษาพระพุทธศาสนา คือต้องมีศาสนทายาท คณะสงฆ์จึงต้องผลักดันให้มีกฎหมายรองรับการศึกษาของพระสงฆ์ ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงเรื่องงบประมาณซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของสำนักเรียนคือ ไม่มีงบสนับสนุน การจัดการศึกษาจะไม่ต่อเนื่อง


 :25: :25: :25: :25:

“การเรียนของพระสงฆ์ไม่ได้น้อยกว่าทางโลก ทางโลกอาจมีความหลากหลายในสาขาวิชา แต่ทางสงฆ์มีเพียงองค์ความรู้เดียว ซึ่งรู้ลึกซึ้งกว่าทางโลก เหนือกว่าทางโลกในด้านการศึกษาด้วยซ้ำ ส่วนที่มองว่าพระสงฆ์เอาเปรียบฆราวาสนั้น ผู้ที่เรียน ป.ธ.9 ไม่ได้จบง่ายๆ เรียนหนักกว่าฆราวาส อย่างไรก็ตาม ต้องรอร่าง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ก่อน แล้วจะชัดเจนว่าจะมีส่วนเสริมด้านใดให้ทางโลกยอมรับได้ การเทียบวุฒิจะไม่มีปัญหาหากมีกฎหมายมารองรับ เชื่อว่าไปสมัครงานที่ไหน ก็ต้องได้รับการยอมรับ” พระราชปริยัติวิธานกล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news/185643
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ