ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าไม่มีสมเด็จญาณสังวร รูปที่ ๑. ก็คงไม่มีสมเด็จญาณสังวร รูปที ๒.  (อ่าน 3144 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) “สมเด็จพระญาณสังวร” รูปแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์


“ญาณสังวร” มีที่มาและความหมาย อย่างไร.?

ตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะที่ “สมเด็จพระญาณสังวร” นั้น นับว่าเป็นตำแหน่งพิเศษในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเป็นตำแหน่งที่พระราชทานสถาปนาแก่พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ

ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อครั้ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงตั้ง พระอาจารย์สุก วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)ซึ่งเป็นพระเถระผู้ทรงคุณพิเศษในทางวิปัสสนาธุระ เป็นที่พระราชาคณะนั้น ก็ทรงตั้งในราชทินนามว่า พระญาณสังวรเถร อันเป็นราชทินนามที่แสดงถึงความเป็นผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนาธุระ

ครั้นมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา พระญาณสังวรเถร (สุก) ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ก็โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาในราชทินนามว่า สมเด็จพระญาณสังวร เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๙ ตามราชทินนามเดิม ที่ได้รับพระราชทานแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑

สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงเป็น “สมเด็จพระญาณสังวร” รูปแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์


@@@@@

พระอาจารย์สุก วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เป็นพระเถระที่เลื่องลือด้านวิปัสนาธุระและเปี่ยมด้วยเมตตายิ่ง ถึงขนาดมีตำนานเล่าว่าสามารถแผ่เมตตาให้ไก่ป่าที่ได้ชื่อว่าปราดเปรียวและระแวงภัยยิ่ง ให้เชื่องเหมือนไก่บ้านได้ และเมื่อสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ชาวประชาทั้งหลายจึงมักพากันขนานพระนามท่านว่า “สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน”

ครั้นสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๓ ราชทินนามตำแหน่งที่ สมเด็จพระญาณสังวร ก็ไม่ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาพระเถระรูปใดอีกเลยนับแต่รัชกาลที่ ๒ เป็นต้นมา


@@@@@

กระทั่งถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ ๙ จึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา พระสาสนโสภณ (สุวฑฺฒโน เจริญ คชวัตร) วัดบวรนิเวศวิหาร (วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร) ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ในราชทินนามว่า สมเด็จพระญาณสังวร ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงเป็น “สมเด็จพระญาณสังวร” รูปที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    ในคราวที่ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระญาณสังวร ทรงปรารภว่า
     “ถ้าไม่มีสมเด็จญาณสังวรฯ (สุก ไก่เถื่อน) รูปที่ ๑ ก็คงไม่มีสมเด็จญาณสังวรฯ รูปที่ ๒”


สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)“สมเด็จพระญาณสังวร” รูปที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์


นับแต่ปีที่ สมเด็จพระญาณสังวร (สุก) ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๓ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ มาจนถึงปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา พระสาสนโสภณ (สุวฑฺฒโน เจริญ คชวัตร) ขึ้นเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ นั้น นับเป็นเวลา ๑๕๒ ปี ซึ่งเป็นเวลายาวนานถึง ๖ รัชกาลที่ว่างเว้นไม่ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาพระเถระรูปใดในราชทินนามตำแหน่งนี้

ราชทินนามตำแหน่งที่ สมเด็จพระญาณสังวร ตามพระนาม หมายถึง ผู้สำรวมในญาณคือ ความรู้ หรือผู้มีความสำรวมในความรู้อย่างยิ่ง (“ญาณ” หมายถึง ความรู้ และ “สังวร” หมายถึง สำรวม) หรือหากอ้างถึงพระอรรถกถา ความหมายของ “ญาณสังวร” จะเป็นหัวข้อหนึ่งใน สังวรวินัย ๕ คือ สีลสังวร สติสังวร ญาณสังวร ขันติสังวร และวิริยสังวร และดังได้มีอรรถาธิบายความหมายของ “ญาณสังวร” ว่า


     @@@@@

     สังวรที่ตรัสไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
     “ดูก่อนอชิตะ กระแส (ตัณหา) เหล่าใดในโลกมีอยู่ สติย่อมเป็นเครื่องห้ามกระแสเหล่านั้น เราตถาคตกล่าวสติว่าเป็นเครื่องระวังกระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบุคคลย่อมละด้วยปัญญานี้เรียกว่า ญาณสังวร”  ขุ.สุ. ๒๕/๔๒๕/๕๓๐

    เพราะฉะนั้นราชทินนามตำแหน่งที่ “สมเด็จพระญาณสังวร” นี้ จึงกล่าวได้ว่า เป็นตำแหน่งที่มีความหมายสำคัญในประวัติการณ์ ของคณะสงฆ์ไทยแห่งยุคกรุงรัตนโกสินทร์ตำแหน่งหนึ่ง




ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=45045
โพสต์โดย คุณสาวิกาน้อย

รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก ::
• พระประวัติสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=44309
• พระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=19822


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2016, 11:04:03 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ ในธรรม ของ..สมเด็จพระสังฆราชทั้งหลาย
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา