ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่อยากสร้างบาป อย่าตกเป็นทาสของความเชื่อ  (อ่าน 1311 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ไม่อยากสร้างบาป อย่าตกเป็นทาสของความเชื่อ

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พระมหาสมปองมาอีกแล้ว มาพร้อมกับธรรมะเย็นๆ เตรียมส่งเข้าสู่หัวใจทุกท่านเหมือนเดิม โยมทุกท่านสังเกตไหมว่าทุกวันนี้คนเราโกรธกันง่ายมาก มองหน้ากันก็ไม่ได้ ขับรถเบียดกันนิดๆ หน่อยๆ ก็โกรธกัน บางรายหนักถึงกับทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็มาก บางครั้งก็ถ่ายเป็นคลิปลงในยูทูบ ลงในเฟซ หลายคนก็เข้าไปคอมเมนต์ต่างๆนานา ทั้งที่ไม่รู้ความจริง ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ บางครั้งกลายเป็นเรื่องใหญ่โต โยมว่าจริงไหม?

โยมทุกท่าน ชีวิตของเรามีปัญหากันทุกคน อย่าว่าแต่โยมมีปัญหาเลย วันนี้พระก็มีปัญหา ถามเลยละกันสุนัข 1 ตัว กินข้าวในกะละมังหมดภายใน 10 นาที ถ้าสุนัข 2 ตัว กินข้าวในกะละมังนี้ให้หมด ต้องใช้เวลากี่นาที

โยมตัวเดียว 10 นาที ถ้า 2 ตัว ช่วยกันกิน 5 นาทีก็น่าจะหมด ผิด มันต้องมากกว่า 10 นาทีโยมเพราะสุนัขมันต้องกัดกันเสียก่อน!!!

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าต่างคนต่างไม่ยอม ต่างคนต่างใช้ความรุนแรง ข้าวก็ไม่ได้กิน ตัวเองก็ต้องเจ็บ ฉะนั้นโยมต้องใจเย็นๆ เอาหางแช่น้ำไว้ก่อน


 :96: :96: :96: :96:

ในอดีตโยมเห็นประเทศใหญ่ๆ ใช้ความรุนแรงถล่มประเทศเล็กๆ เห็นประเทศที่แข็งแรงกว่า ถล่มประเทศที่อ่อนแอกว่า ความรุนแรงไม่ได้ก่อให้เกิดความสุขสงบเย็น ถ้าความรุนแรงก่อให้เกิดความสุขสงบเย็น เราก็ควรจะมีความรุนแรงเพียงครั้งเดียว แล้วก็มีความสุข สงบ เย็น ตลอดไป แต่นี่เราเกิดความรุนแรงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

       โลกภายนอกกว้างไกลใครใครรู้
       โลกภายในลึกซึ้งอยู่รู้บ้างไหม
       อยากมองโลกภายนอกมองออกไป
       อยากมองโลกภายในมองเข้ามา

โยมทั้งหลาย การที่โยมมองโลกด้วยจิตใจที่สกปรก โลกทั้งโลกมันก็จะสกปรก แต่ถ้าโยมมองโลกด้วยจิตใจที่สะอาด โลกทั้งโลกมันก็จะสะอาด ฉะนั้นหมายควายว่า เฮ้ย...หมายความว่า มันขึ้นอยู่กับใจของโยมว่าจะมองอย่างไร มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่โยมมอง

สิ่งที่โยมมองมันเป็นอย่างไร มันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ ทางที่ดี โยมมามองตนเองให้ออก บอกตัวให้เป็น เห็นตัวให้ชัด จัดตัวให้ถูกดีกว่า ถ้าเราพยายามที่จะมองค้นหาความชั่วของคนอื่น ความชั่วทั้งหมดจะมารวมที่หัวของเรา

ตามีหน้าที่ดู เราสามารถจะเลือกได้ระหว่างดูของดีกับของชั่ว ใจมีหน้าที่คิด โยมสามารถจะเลือกได้ระหว่างคิดดีกับคิดชั่ว ดังนั้นเมื่อเราเห็นอะไร ได้ยินอะไร เราต้องใช้สติพิจารณาให้รอบคอบ มีโยนิโสมนสิการ คือพิจารณาให้ถี่ถ้วน มีเหตุผล อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ มิเช่นนั้นเราก็ต้องตกเป็นทาสของตาที่ดู ตกเป็นทาสของหูที่ฟังแบบไม่มีสติ

 :25: :25: :25: :25:

เรื่องนี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักแห่งความเชื่อให้แก่พุทธศาสนิกชน มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

โยมทั้งหลาย พุทธองค์ทรงสั่งสอนว่าอย่าให้เชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้พิสูจน์เสียก่อน  ยิ่งในยุคโลกไร้พรมแดน
เราต้องมีสติให้มาก พิจารณาให้รอบคอบในการเสพสื่อ มิเช่นนั้นจะนำโทษมาสู่ตนและผู้อื่นด้วย เจริญพร


          พระมหาสมปอง



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/799876
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ