ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วย "สมณศักดิ์"  (อ่าน 1355 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ว่าด้วย "สมณศักดิ์"
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2016, 11:41:56 am »
0


ว่าด้วย "สมณศักดิ์"

ช่วงนี้พระสงฆ์หลายรูปยังปลื้มปิติดีใจ รวมทั้งบรรดาลูกศิษย์ด้วย เหตุที่ดีใจเพราะหลายรูปได้รับการสถาปนา “เลื่อนสมณศักดิ์” บางรูปบางท่านได้รับข่าวดีก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันทีทันใด ประเภทต่ออายุได้อีกหลายปีทีเดียว

ช่วงนี้พระสงฆ์หลายรูป ยังอยู่ในอาการปลื้มปิติดีใจ และรวมทั้งบรรดาลูกศิษย์ลูกหาด้วย เหตุที่ดีใจในช่วงนี้ เพราะหลายรูปได้รับการสถาปนา การเลื่อน “สมณศักดิ์” ทั้งระดับพระครู เจ้าคุณพระราชาคณะ บางรูปบางท่านได้รับ “ข่าวดี” ก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันทีทันใด ประเภทต่ออายุได้อีกหลายปีทีเดียว

“สมณศักดิ์” คือ ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกำหนด อาจกล่าวได้ว่า สมณศักดิ์ คือ บรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบให้ดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ เพื่อเป็นกำลังสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และเพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปโดยเรียบร้อย เพราะการที่พระภิกษุรูปใดได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ย่อมได้รับมอบหมายภาระหน้าที่ในการปกครองหมู่คณะแห่งสงฆ์ ปฎิบัติศาสนกิจไปพร้อมกันด้วย

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้ทรงใช้จิตวิทยาในการปกครองพระสงฆ์สาวก โดยการยกย่องผู้ที่ควรยกย่อง ป้องปรามผู้ที่ควรป้องปราม ดังจะเห็นได้จากทรงยกย่องพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวก ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา และทรงตั้ง “เอตทัคคะ” กล่าวคือ ทรงยกย่องพระสาวกอีกส่วนหนึ่งว่ามีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังมิได้ถือว่าเป็น “สมณศักดิ์”


 :96: :96: :96: :96:

สำหรับประเทศไทยนั้น “ระบบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์” เริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย พระองค์ได้โปรดให้ราชบัณฑิตไปอาราธนา “พระมหาสามีสังฆราช” มาจากประเทศลังกาเพื่อให้ประกาศพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในกรุงสุโขทัย พระมหาสามีสังฆราชคงจะได้ถวายพระพรให้ “พระมหาธรรมราชาลิไท”

ทรงตั้ง “สมณศักดิ์” ถวายแด่พระสงฆ์ตามราชประเพณีที่ถือปฏิบัติในประเทศลังกา ระบบสมณศักดิ์ในสมัยสุโขทัยไม่สลับซับซ้อนเพราะมีเพียง 2 ระดับชั้นเท่านั้น คือ พระสังฆราชและพระครู พอมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาระบบสมณศักดิ์ได้รับการปรับให้มีระดับชั้นเพิ่มขึ้นเป็น3 ระดับ คือ สมเด็จพระสังฆราช พระสังฆราชคณะหรือพระราชาคณะ และพระครู ยุคปัจจุบันจะมี สมเด็จพระสังฆราช พระราชาคณะ พระครูสัญญาบัตร และพวกเปรียญ

ในอดีตการพิจารณาแต่งตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์เป็นพระราชอำนาจ และเป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ เมื่อทรงเห็นหรือทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า พระภิกษุรูปใดมีความรู้ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก มีศีลาจารวัตรน่าเลื่อมใส มีความสามารถในการปกครองหมู่คณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของประชาชนแล้ว ก็จะพระราชทานสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจ ในการจะได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป

ปัจจุบันเป็นหน้าที่ทางคณะสงฆ์จะช่วยกันพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับขั้น คือ จากเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับแล้ว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้เสนอเรื่องเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานสมณศักดิ์ ตามระเบียบของทางราชการต่อไป




แต่ก็เคยมีพระสงฆ์หลายรูปที่ได้ “สมณศักดิ์” แบบไม่ผ่านมหาเถรสมาคมได้แบบ “กรณีพิเศษ” เพราะอำนาจการถวายสมณศักดิ์เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว

ปีนี้การเลื่อนการสถาปนาสมณศักดิ์ “เกลี่ย” กันได้ถ้วนหน้า ไม่กระจุกตัวอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ ได้ทั้ง “พระสายบู๊” เช่น มหาโชว์ ก็ได้เลื่อนเป็น “เจ้าคุณชั้นสามัญ” หลังจากคราวที่แล้วทำประวัติ เสนอไปเรียบร้อย แต่ “หลุดโผ” ในชั้นที่ประชุมมหาเถรสมาคม หรือ แม้กระทั้ง “พระเทพวิสุทธิกวี” ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ก็เลื่อนเป็น “พระธรรมกิตติเมธี”

ส่วนสายพระนักวิชาการ “สายบุ๋น” ก็สมหวังหลายรูป ทั้งจาก 2 มหาวิทยาลัย ส่วน “สายเด็กถือย่าม” ของกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นที่รู้กันว่า “ไม่พลาด” หรือบางตำแหน่งที่หายไปเช่น “พระรามัญมุนี” ก็กลับมาสู่วัดสู่ชุมชนคนมอญเหมือนเดิม หรือแม้กระทั้งบางรูปที่ถูก “ดอง” ไว้หลายปีก็สมหวังในปีนี้


 st12 st12 st12 st12

ส่วนอีกรูปหนึ่งที่ชาวพุทธส่วนมากปลื้มปีติประเภทได้ใจ นั่นก็คือ พระพรหมคุณาภรณ์ หรือ ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต ได้รับการสถาปนาเลื่อนเป็น “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์” เพราะเดิมทีในวงการพระสงฆ์คาดเดาว่า ตำแหน่งนี้ไม่เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งครองอาวุโสอันดับหนึ่ง หรือไม่ก็วัดสามพระยารูปใดรูปหนึ่งจะได้มาครอง เพราะทั้งคู่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม มีตำแหน่งทางการปกครอง โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ในวงการคณะสงฆ์ทราบดีว่าท่านมี “อำนาจพิเศษ”

เรื่อง “สมณศักดิ์” อย่างที่เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า...กรณีที่มีคนบางกลุ่ม บางคณะเสนอให้ “ยกเลิก” มันทำไม่ได้ ทั้งเรื่องนี้ผมเคยคุยหลายครั้งกับคนในคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ ว่า “อย่าไปยุ่ง มันทำไม่เสร็จหรอก” เพราะสมณศักดิ์ เป็นตัวเชื่อมโยงสัมพันธ์ที่สวยงามระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับสถาบันสงฆ์

แต่หากต้องการ “ยุ่ง” หรือ “มีส่วนร่วม” ลองเข้าไปดู ไปตรวจสอบกระบวนการเสนอชื่อ กระบวนการคัดเลือกพระสงฆ์ที่สมควรได้รับ “สมณศักดิ์” หรือแม้กระทั้ง “การกระจายสมณศักดิ์” ให้ครอบคลุมให้พระสงฆ์ในภูมิภาคด้วยจะดีกว่า...



คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย เปรียญ10 : riwpaalueng@gmail.com.
ขอบคุณที่มา : http://www.dailynews.co.th/article/540993
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2016, 11:56:18 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ