ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ใครว่าเรา ” เลือกเกิด ” ไม่ได้  (อ่าน 989 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ใครว่าเรา ” เลือกเกิด ” ไม่ได้
« เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 09:45:07 am »
0


ใครว่าเรา ” เลือกเกิด ” ไม่ได้
บทความธรรมะจาก ท่าน ว.วชิรเมธี

เราเคยเชื่อกันว่ามนุษย์นั้น เลือกเกิด ไม่ได้นั่นคือความเข้าใจผิด ตามหลักพุทธศาสนานั้นทุกคนเลือกเกิดได้ อยากไปเกิดในสุคติภูมิ…ก็ทำกรรมดี อยากไปเกิดในทุคติภูมิ…ก็ทำกรรมชั่ว

ในชาตินี้เราอาจจะไม่รู้ หรือต่อให้รู้ก็คงเลือกไม่ทันแล้ว แต่ชาติหน้าที่จะมาถึงทุกคนเลือกภพเลือกชาติให้ตัวเองได้ อย่างน้อยถ้าเรามีศีล 5 ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าฝึกเจริญวิปัสสนากรรมฐานก็มีโอกาสสูงมากที่จะเดินอยู่บนเส้นทางสีขาวนั่นคือได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ และได้พบพระพุทธศาสนา ได้มาเจริญศีลธรรมกรรม-ฐานจนกว่าจะบรรลุธรรม หรือถ้าสนใจสมาธิภาวนา แม้ว่าจะยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูงก็อาจได้เกิดเป็นเทวดาหรือพรหม แต่ถ้าไม่สนใจธรรมะเลย หันหลังให้คุณงามความดีอย่างสิ้นเชิง พ่อแม่มีพระคุณก็ไม่เชื่อคนอื่นบอกว่าบุญมีจริง บาปมีจริงก็ไม่สนใจถ้าเป็นอย่างนี้เท่ากับได้ตีตั๋วกลับมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแน่

โอกาสที่เราจะไปเกิดในภพหน้านั้นมีอยู่เสมอ ตราบใดที่เรายังไม่หมดกิเลส ดังนั้นเราจึงควรหัดเลือกเสียตั้งแต่ตอนนี้ ว่ากันว่า  คนเรานั้นสามารถอวตารได้ในหลายภพหลายชาติ เช่น

 :96: :96: :96: :96:

หนึ่ง มนุสสเปโต คือ มนุษย์ที่มีโอกาสไปเกิดเป็นเปรต เปโตก็คือเปรต คนที่ตกเป็นทาสของความโลภโมโทสันไม่จบไม่สิ้น กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม มีเท่าไรก็ไม่พออยากได้ใคร่มี ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ดังหนึ่งว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่สัก 84,000 ปี คนประเภทนี้  ถ้าตอนตาย  จิตดับไปพร้อมกับความโลภปล่อยไม่ลง ปลงไม่ได้ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะกลับมาเกิดในสภาพของเปรต

สอง มนุสสติรัจฉาโน คือมนุษย์ที่จะไปเกิดเป็นเดรัจฉาน เป็นมนุษย์ที่หันหลังให้กับศีลธรรม ไม่เชื่อมั่นในเรื่องบุญ ไม่ใส่ใจในเรื่องบาป อยากกิน…กินอยากดื่ม…ดื่ม อยากนอน…นอน อยากเสพสังวาส…เสพ คนแบบนี้โอกาสที่จะกลายไปเป็นมนุษย์เดรัจฉานมีสูงมาก เพราะสัตว์เดรัจฉานดำรงชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณปล่อยให้โลภโกรธหลงนำพาชีวิตไปอย่างไร้จุดหมาย

สาม มนุสสเนรยิโก คือ มนุษย์ที่เป็นสัตว์นรก มนุษย์ที่โหดหินทมิฬชาติทำร้ายหรือทอดทิ้งพ่อแม่ มีบุพการีเหมือนไม่มี ปฏิเสธพระคุณท่าน รวมทั้งยังดูหมิ่นถิ่นแคลนท่านด้วย ใครมาเทศน์เรื่องบุญเรื่องกุศล ไม่เพียงแต่ไม่เชื่อ แต่กลับด่าวิพากษ์วิจารณ์สาดเสียเทเสีย คนที่ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อสัมมาทิฏฐิจะกลายเป็นสัตว์นรกได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยความลำบากยากแค้นไม่จบไม่สิ้น

สี่ มนุสสเทโว คือ มนุษย์ที่เป็นเทวดาเป็นมนุษย์ที่ละอายชั่วกลัวบาป ประหวั่นพรั่นพรึงต่อความชั่ว ความเลว แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่กล้าทำ มีโอกาสโกงแต่ไม่โกงมีโอกาสเอาเปรียบแต่ไม่เอา เพราะใจสูงมีชีวิตสว่างไสวทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังคนอย่างนี้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นเทวดา

ห้า มนุสสมนุสโส คือ ผู้ที่ได้อัตภาพมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว เพราะเชื่อมั่นในระบบศีลธรรมและกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว สมาทานศีล ประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วก็หาโอกาสปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ฝึกสมาธิภาวนาอยู่เสมอ เป็นคนใจกว้าง ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว รักในการเป็นผู้ให้ อุปถัมภ์บำรุงพ่อแม่ กตัญญูรู้คุณคนอย่างนี้จะได้ตั๋วกลับมาเกิดในอัตภาพเป็นมนุษย์ และได้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดีงามล้ำเลิศ จะได้มาเกิดในตระกูลที่พ่อแม่ทรงศีลทรงธรรม  ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสมาคมของนักปราชญ์ราชบัณฑิต ไม่อดข้าวปลาอาหาร  มีอวัยวะ 32 ประการครบบริบูรณ์  มีสติปัญญาสว่างไสวดุจดังพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ และดุจดังพระอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน มีโอกาสสูงมากที่จะได้ฟังสัจธรรมคำสอนจากพระบรมศาสดา หรือได้พบกับสาวกของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคที่ตัวเองมาเกิด และได้ประพฤติปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบันจนถึงอรหัตตผลกลายเป็นพระอริยบุคคลพ้นทุกข์ไป นี่คือมนุษย์ที่มีใจสูง


 st12 st12 st12 st12

สำหรับชาตินี้ เราไม่รู้หรอกว่ากรรมใดส่งให้มาเกิด แต่เมื่อได้อ่านบทความนี้ ทุกคนรู้แล้วว่าเรามีสิทธิ์เลือกชะตากรรมของตัวเองได้ในภพหน้า ดังนั้น ขอให้เราวางโปรแกรมชีวิตว่า ภพหน้าจะเกิดมาในสภาพแบบไหนอาตมามีตัวเลือกตัวให้ถึง 5 ข้อข้างต้น  แต่หากยังน้อยเกินไป อาตมาเพิ่มตัวเลือกที่ 6 ให้อีก นั่นคือ ไม่กลับมาเกิดอีกเลย

พระพุทธองค์ตรัสเอาไว้ว่า ใครก็ตามเจริญวิปัสสนากรรมฐาน หมั่นเจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน พิจารณากาย เวทนา จิตธรรม จนต่อเนื่องอยู่เสมอในชีวิตประจำวันคนนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานภายในเจ็ดปี หกปี ห้าปี สี่ปี สามปีสองปี หนึ่งปี เจ็ดเดือน หรือแม้กระทั่งเจ็ดวัน สำหรับบางคนเพียงหนึ่งวันก็บรรลุพระนิพพานได้ ฉะนั้น สภาวะชีวิตแบบที่หกซึ่งเราเลือกได้ก็คือ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกบรรลุถึงสุญญตาธรรม ความว่างอันสมบูรณ์เป็นอันว่าหนังยาวที่ชื่อว่าการเวียนว่ายตายเกิดของเรานั้นฉายจบกันในชาตินี้ เราไม่ต้องรับเล่นหนังเรื่องใหม่ในชาติหน้าอีกต่อไปไม่จบไม่สิ้น

หากปรารถนาให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายไม่อยากกลับมาเวียนว่าย เกิด แก่ เจ็บ ตายอีกแล้ว ก็ขอให้เร่งประพฤติปฏิบัติธรรม

อย่าลืมว่า เรามีสิทธิ์เลือกชีวิตของเราเองในทุกภพทุกชาติ 



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/30563/healthy-mind/vachirametee110259/
http://www.goodlifeupdate.com/30563/healthy-mind/vachirametee110259/2/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2016, 09:47:23 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ