ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถาม มีกรรมฐาน อะะไรที่ไม่ต้องผ่านองค์บริกรรมมาก  (อ่าน 3448 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม มีกรรมฐาน อะะไรที่ไม่ต้องผ่านองค์บริกรรมมาก
ตอบ มีกรรมฐานเดียวเท่านั้น คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบาขา พรหมวิหาร
แม่บท - เมตตาเจโต วิมุตติยา
ภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักตั้งมั่น ดำรงอยู่
ด้วยดีในภายใน และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วจักไม่ครอบงำจิตได้
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูกรภิกษุ เมื่อใด จิตของเธอเป็นจิตตั้งมั่นดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในภายใน และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ครอบงำจิตได้ เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มากซึ่งเมตตาเจโตวิมุติ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่ง
สมาธินี้อย่างนี้แล้ว เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตกวิจาร พึงเจริญสมาธินี้ แม้ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร พึงเจริญสมาธินี้ แม้มีปีติ พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีปีติ พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยความสำราญ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มาก ซึ่งกรุณาเจโตวิมุติ ฯลฯ มุทิตาเจโตวิมุติ ฯลฯ เราจักเจริญกระทำให้มากซึ่ง อุเบกขาเจโตวิมุติ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำ
ให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร ...พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณากายในกายอยู่มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร ... เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้เจริญดีแล้ว เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณาเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ ฯลฯ พิจารณาจิตในจิตอยู่ ฯลฯ พิจารณาธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร พึงเจริญสมาธินี้แม้มีปีติ พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีปีติ พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยความสำราญ พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา ดูกรภิกษุ เมื่อใดเธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว เมื่อนั้น เธอจักเดินไปทางใดๆ ก็จักเดินเป็นสุขในทางนั้นๆ ยืนอยู่ในที่ใดๆ ก็จักยืนเป็นสุขในที่นั้นๆ นั่งอยู่ในที่ใดๆ ก็จักนั่งอยู่เป็นสุขในที่นั้นๆ นอนอยู่ที่ใดๆ ก็จักนอนเป็นสุขในที่นั้นๆ ฯ
เนื้อหาพระสูตรอธิบาย สมบูรณ์ ในตัว เอวัง ก็มี ด้วยประการฉะนี้


บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม ถ้าไปสู่การละกิเลส เป็นพระอริยะบุคคล จำเป็นต้องมีความสามารถพิเศษ ทางจิตหรือไม่
ตอบ จำเป็นต้องมีความสามารถ อยู่ สองอย่าง คือ การเข้าสุขสมาธิ และ การเข้าเอกัคคตาสมาธิ ส่วนความสามารถอื่น ๆ นั้นในทางปฏิบัติดับกิเลส ไม่มีความจำเป็น เลย
การเข้าสุขสมาธิ จะทำให้แจ้ง ปริมาณ ของ สุขในนิพพาน
การเข้าเอกัคตาสมาธิ ( อารมณ์รวมลงเป็นหนึ่งเดียว ) จะทำให้แจ้ง ยถาภูตญาณทัศนะ หรือ องค์วิปัสสนา
ดังนั้น ถ้าต้องการเป้นพระอริยะบุคคล ต้องทำสองประการนี้ให้ชัดเจน ยิ่งชัดเจนก็ยิ่งเข้าใจธรรมได้ไว และได้เร็ว
ขอท่านทั้งหลายอย่าได้ลำบากใจกับข้อความธรรมะ เพราะว่าข้อความที่ออกให้อ่านนั้น ไม่ได้เจาะจงสู่ใคร คนใด คนหนึ่ง หรือ เป็นข้อความสายกรรมฐานเดียว ดังนั้น ต้องวิจารณญาณด้วยว่า
กรรมฐานฝึก เหมือนการพูด จดจำได้เข้าใจได้จากการพูดใช้งาน
( conversation )
แต่ข้อความ คือ ไวยากรณ์
( เป็นเพียงหลักวิชาให้เข้าใจสมบูรณ์ เท่านั้น )
ดังนั้นคนพูดได้ ก็ใช่ว่า จะเขียนได้ แต่ก็ใช่ว่า จะไม่รู้อะไร
กรรมฐาน กัจจายนะ และ มูลกรรมฐาน มุ่งเน้นการปฏิบัติไปพร้อมกัน จึงเป็นการสอนแบบ สนทนา
ส่วนศิษย์ที่ต้องการเป็นครู เป็นผู้สืบทอด จึงต้องเรียน วจนะ หรือ แม่บท หลักการ มันก็เหตุผลเท่านี้

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ถาม มีกรรมฐาน อะะไรที่ไม่ต้องผ่านองค์บริกรรมมาก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 01:06:25 pm »
0
ถามว่า เราพูดได้อย่างไร ?
พูดภาษาท้องถิ่นได้อย่างไร ?

กรรมฐาน กัจจายนะ มุ่งหวังอย่างนั้น

ถามว่า เราพุดด้วยหลักการอะไร ?
เราพูดภาษาท้องถิ่นด้วยวิธีอย่างไร ?

กรรมฐาน มัชฌิมา มุ่งหวังอย่างนั้น

หลายคนคิดว่า ความสมบูรณ์ คือ ต้อง พูดได้ เขียนได้ แน่นอนมันก็ต้องเสียเวลา ที่จะต้องมาเรียน เมื่อมีการเรียน ก็ต้องมีการสอบ เมื่อมีการสอบ มันก็สอบผ่าน กับสอบไม่ผ่าน เพราะเข้าสู่ระบบการเรียน เมื่อไหร่ ความเครียดก็จะตามมา สุดท้าย ความรู้ ที่ชื่อว่า วิชชา ไม่ได้อยู่ในตำรา การบรรลุธรรม ไม่ได้อยู่ในตำรา เรื่องพวกนี้ ตำราบันทึกไม่ได้ เพราะเกินขอบเขต ของ บัญญัติ

ดังนั้นการแจ้งกรรมฐาน กับครูอาจารย์ ไม่ต้องอ้างอิง ไวยากรณ์ หลักปฏิบัติมาก ๆ ให้แจ้งเป็นอารมณ์มาเลยว่า รู้สึกอย่างไร ในขณะภาวนาตรงนั้น และหลังภาวนา และ เราต้องการอะไร ในการภาวนาตรงนั้น อันนี้จะได้คำตอบไว

และที่สำคัญ เวลาสั่งให้ทำ ต้องเคารพครูอาจารย์ อย่าถามกลับมาว่า ทำไมต้องทำอย่างนี้ อย่างนั้น เพราะถ้าถามกลับ คือมันเป็นการขอเหตุผล ในทางสายวิชา ถือว่า ขาดความเคารพ ไม่เชื่อในวินิจฉัย ของครูอาจารย์ เรียกว่า การขาดศรัทธา ในกรรมฐาน
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ถาม ทำไม ไม่ให้สมาชิกอื่น เข้ามาอ่านเนื้อหาที่นี่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 01:36:54 pm »
0
ถาม ทำไม ไม่ให้สมาชิกอื่น เข้ามาอ่านเนื้อหาที่นี่ เพราะข้อความที่นี่มีประโยชน์ มาก ถ้าเขาได้อ่าน น่าจะได้ประโยชน์กับชีวิตกับคนที่อ่านมากคะ
ตอบ ข้อความที่นี่เป็นข้อความ หักล้างกิเลส ตรง หากสมาชิกที่จะเข้ามาที่นี่ไม่รู้จักเสียสละ แค่ทรัพย์เพียงนิดหน่อย เป็นการสละแค่วัตถุ นิดหน่อย ก็ป่วยการที่จะเข้ามาอ่านข้อความที่สละกิเลส เพราะผู้ที่สละทรัพย์เป็นทานไม่ได้ ไม่รู้ัจักบำรุงบิดา มารดาครูอาจารย์ จัดว่าเป็นผู้ไม่พร้อม ที่จะเข้ามาศึกษาธรรม สละกิเลส
ดังนั้นเงื่อนไขห้องนี้ จึงมีบุคคลสองประเภทเท่านั้น ที่จะมีโอกาสศึกษาหลักธรรม กัจจายนะ นั่นก็คือผู้อุปถัมภ์ และ ศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐานเท่านั้น

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ถาม หัวข้อในเฟค เวลาหาอ่านยากมากคะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 01:39:43 pm »
0
ถาม หัวข้อในเฟค เวลาหาอ่านยากมากคะ
ตอบ เข้าใจอยู่ ว่าบางเรื่องโพสต์ไปนานแล้ว แต่พอนึกต้องการอ่าน อีกซ้ำ เพื่อความเข้าใจ บางครั้งกว่าจะหาเจอในเฟค ใช้เวลามาก
มันจึงต้องมีเว็บ ไงละ และ ก็ใช้ประโยชน์จากเว็บอยู่ ถ้าเป็นข้อความกัจจายนะ ฉันนำใส่ไว้ที่ http://www.madchima.org/forum/index.php?board=32.0
ท่านสามารถไปค้นอ่านกันได้ ที่นี่
แต่ถ้าแบ่งเป็นสาย จะเริ่มปีหน้า ก็คือที่นี่
http://www.madchima.org/forum58/
ตอนนี้ในเฟคยังไม่แยกสายให้ ยังโพสต์ข้อความทุกสายลงให้อ่าน ดังนั้นทุกคนถึงจะห้ามบอกว่า ไม่ใช่สายตนก็ไม่ต้องอ่าน แต่ก็อ่านกันอยู่ดี พออ่านกันมาก ๆ ก็เห็นข้อความพิศดารทางด้านการภาวนา มากขึ้น ในที่สุดก็ท้อใจว่า มันพิศดารยากมาก
จนลืมไปว่า แล้ว ฉันซึ่งเป็นอาจารย์ ไม่ลำบากหรือ จำรู้เรียนภาวนา มาหนักกว่าพวกเราอีก

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ถาม มีกรรมฐาน อะะไรที่ไม่ต้องผ่านองค์บริกรรมมาก
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 03:42:15 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา