ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ในการหางานเราควรพิจารณาอาชีพก่อนศีล หรือพิจารณาศีลก่อนอาชีพ  (อ่าน 1027 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ในการหางานเราควรพิจารณาอาชีพก่อนศีล หรือพิจารณาศีลก่อนอาชีพ

ถาม : พระอาจารย์คะ ในการหางานเราควรพิจารณาอาชีพก่อนศีล หรือพิจารณาศีลก่อนอาชีพคะ

พระอาจารย์ไพโรจน์ ญาณกุสโล ได้ตอบปัญหาเรื่อง “อาชีพ” ไว้ว่า

ตอบ : ถ้าจะให้ดีต้องคำนึงถึงศีลเป็นหลักไว้ก่อน เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลเสียกระทบผู้อื่นแล้ว ยังจะมีผลดีในระยะยาวต่อชีวิตและอนาคตของตัวเราเองอีกด้วย


 ask1 ans1

ถาม : งั้นการเปิดผับบาร์จะถือว่าผิดศีลไหมคะ ในเมื่อเราไม่ได้ถือปืนไปบังคับให้ใครกินเหล้าสักหน่อย เขาเข้ามากินเองแท้ ๆ

ตอบ : ถึงแม้เราไม่ได้บังคับให้ผู้อื่นทำแต่อาชีพของเราก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นมีช่องทาง ดังนั้นก็ถือว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ดี ถ้าเราไม่เปิดร้านไว้ เขาจะเข้ามากันไหมการเปิดร้านถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นทำผิดศีลได้สะดวกขึ้น…ถูกไหม

 ask1 ans1

ถาม : สังเกตว่า อาชีพที่ผิดศีล 5มักร่ำรวย อยู่ดีกินดี และธุรกิจเหล่านี้มักเจริญรุ่งเรืองมาก เช่น ขายเหล้าเบียร์ฯลฯ พระอาจารย์มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรคะ

ตอบ : ถ้าดูแบบผิวเผินอาจเป็นเช่นนั้นจริง แต่ลึก ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะตามหลักของความเป็นจริง เหตุกับผลมันต้องมีความสมดุลกัน คือ ทำเหตุอย่างไรไว้ก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น

การที่คนทำชั่วหรือทำทุจริต แต่ชีวิตเขาได้ดีนั้น นั่นเป็นเรื่องของอดีตกรรมที่เขาเคยทำไว้ บังเอิญว่ามันเป็นช่วงที่อดีตกรรมกำลังส่งผลอยู่พอดี แต่เจ้าตัวไม่รู้กลับนึกว่าเป็นผลที่เกิดมาจากการกระทำในปัจจุบัน เลยเข้าใจผิดในทำนองว่าทำชั่วได้ดี

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขาเป็นคนดีที่กำลังทำความดีอยู่ในขณะนั้น แต่บังเอิญเป็นช่วงที่อกุศลกรรมเก่ากำลังส่งผล เจ้าตัวไม่รู้ นึกว่าเป็นผลของการกระทำในปัจจุบันก็เลยเข้าใจผิดทำนองว่าทำดีได้ชั่ว ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการไม่รู้ เป็นการเข้าใจผิด คิดเดาเอาเองตามสิ่งที่ตนเองกำลังประสบอยู่ โดยลืมนึกไปว่า การทำอะไรแล้วจะได้รับผลทันทีนั้นเป็นเรื่องยากมาก เว้นแต่ว่าขณะนั้นเข้าฌานอยู่แล้วตายไป กรรมนั้นๆจึงจะส่งผลทันที คือ ถ้าตายในฌาน จะไปเกิดเป็นพรหมเลย

การไปมองที่ผลสำเร็จซึ่งแต่ละคนได้รับอยู่ แล้วนำมาเชื่อมโยงกับการกระทำในปัจจุบันนั้น เป็นการมองแบบเข้าข้างและเป็นการมองแบบตรงกันข้าม คือ ถ้าขณะทำชั่วแต่กลับได้รับผลดี มองว่าทำชั่วได้ดีนี่เป็นการมองเข้าข้างตัวเอง ซึ่งถือว่ามองแบบตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ด้วยเสมือนว่าสามารถมองเห็นภาพการส่งผลของกรรมต่างๆได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีใครสามารถเห็นได้ ดังนั้นควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจทำอาชีพที่ผิดศีล


 ask1 ans1

ถาม : หากอาชีพที่ทำอยู่มีคนรับสินบนหรือคอร์รัปชันมากมายถ้าเราไปขัดแข้งขัดขาเขาก็อาจทำให้เราและครอบครัวเดือดร้อน แต่ถ้าจะไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้เขาทำต่อไปก็ไม่เป็นการสมควรแบบนี้เราควรทำอย่างไรดีคะ

ตอบ : ควรหลีกเลี่ยงการคบค้าสมาคมกับบุคคลประเภทนั้น พยายามอย่าเข้าใกล้เขา หรืออย่าให้เขามาเข้าใกล้เรา จะทำให้เกิดปัญหากับตัวเราเองได้ อยู่ห่างๆไว้เป็นดีที่สุด

แต่ถ้าเรามีอำนาจ เช่น เป็นผู้บังคับบัญชา เราก็ต้องเตือนหรือห้ามเขา แต่ถ้าเราไม่มีอำนาจหรือไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำเช่นนั้นได้ ก็ให้หลีกเลี่ยงไปให้ห่าง ๆ จะดีที่สุด…หากอยากจะช่วยเตือนหรือชี้ทางถูกให้เขา ก็ควรให้คำแนะนำหรือให้สติเขาไปตามที่โอกาสจะอำนวย

 ask1 ans1

ถาม : บางครั้งการจะทำงานให้สำเร็จอาจต้องใช้เส้น วิ่งเต้น หรือติดสินบน ไม่งั้นงานอาจจะติดขัดได้ ถ้าจำเป็นจริงๆเราจะทำอย่างไรดีล่ะคะ

ตอบ : ก็ต้องมองว่าการกระทำเช่นนั้นมันเป็นการปิดทางคนอื่นเขาหรือเปล่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมืองหรือเปล่าด้วย บางเรื่องถึงจะไม่ผิดกฎหมายก็เป็นบาปได้ เราจึงต้องพิจารณาให้ดี สิ่งใดเป็นบาปก็อย่าทำ

ในการติดสินบน ถ้าเราให้ ก็ถือว่าเรามีส่วนช่วยให้เขาทำผิดเหมือนกันนะ…เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะมีเหตุผลซับซ้อนอย่างไรก็ตาม ถ้ามันผิดศีล ผิดกฎหมาย ยังไงๆก็ไม่ควรทำ เพราะมีผลเสียระยะยาวแน่นอนเช่น อาจทำให้เรากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิด ทำให้เราต้องขึ้นโรง-ขึ้นศาล ติดคุกในภายหลัง ดังนั้น จะทำอะไรควรมองระยะยาวไม่ควรมองแค่สั้นๆ



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://www.goodlifeupdate.com/51704/healthy-mind/whatisthesuitableoccupation/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ